ร้าน 10 ml. Cafe Gallery ในซอยโชคชัยร่วมมิตรเป็นทั้งคาเฟ่ และแกลอรี่ของ สำนักพิมพ์ 10 มิลลิเมตร นอกจากนั้นที่แห่งนี้เองยังเป็นสถานที่ทำงานของอะตอม ปกรณ์ แก้วดี Atompakon Youtuber ผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ในลักษณะของศิลปะประดิษฐ์ หยิบจับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมาสร้างสรรค์ผลงานด้วยวิธีการที่สนุกสนาน
ด้วยเหตุนี้เองชื่อของ Atompakon จึงกลายเป็นชื่อของ Youtuber ที่ได้รับความนิยมในหมู่เด็กที่รักในศิลปะ 2 มือของเขาไม่เพียงแต่จะประดิษฐ์ความสร้างสรรค์ออกมาให้ผู้คนได้รับชมเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่ช่วยต่อเติมบันใดก้าวแรกให้กับเด็กอีกหลาย ๆ คน ให้ออกมาวาดฝันของเขาตาม พี่อะตอม
ชีวิตวัยเด็กของอะตอม
Atompakon : ตอนเด็กเราเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่ค่อยพูด แต่ภาพจำของเราคือเราชอบวาดรูปในสมุด เวลาครูสั่งให้วาดรูป วาดตามจินตนาการเพื่อนจะมาถามเรา ว่า “ไปเอาแบบมาจากไหน” “ทำไมถึงวาดอะไรแบบนี้ได้” ตอนนั้นก็จะรู้สึกว่าเราแตกต่างจากคนอื่นนะ เราวาดรูปได้ดี ทำได้ดี คนอื่นอาจจะถนัดวิชาคณิตศาสตร์ วิชาภาษาอังกฤษ แต่เราเป็นคนชอบวาดรูป ชอบประดิษฐ์อะไรต่าง ๆ เอาไม้ไอติมมาทำเป็นบ้าน ปั้นดินน้ำมัน ฉีกกระดาษมาแปะให้เป็นรูปต่าง ๆ เราจะสนุกกับสิ่งเหล่านี้มากกว่าออกไปเล่นฟันดาบกับเพื่อน
ศิลปะประดิษฐ์ DIY เป็นความชอบของเด็กหลายคน ตอนที่อะตอมเด็ก ๆ ชอบดูรายการ DIY ศิลปะรึเปล่า มีใครเป็นแรงบันดาลใจ
Atompakon : เราจำไม่ได้ว่าเราดูรายการอะไรจริงจัง แต่มั่นใจว่าดูหลาย ๆ รายการ จนมันกลายเป็นกิจกรรมนึงตอนเด็ก ๆ ที่เราสนุก คือเราจำไม่ได้เลยว่าเป็นชื่อรายการอะไร หรือพี่อะไรสอน แต่มันเป็นอะไรที่เมื่อเราเปิดทีวีเจอก็จะนั่งดู ด้วยความที่เราชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แล้วพอลองทำตาม เราก็จะเอาผลงานที่ได้ไปอวดพ่อแม่ พ่อแม่ก็จะชมว่าเก่งมาก มันกลายเป็นความทรงจำว่าสิ่งที่เราทำมันเป็นสิ่งที่ดี มีความทรงจำดี ๆ กับที่บ้าน ก็เลยกลายเป็นความสุขที่จะได้ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา
ทำไมถึงเริ่มทำช่อง Atompakon
Atompakon : เราถูกถามคำถามนี้บ่อย คำถามที่ว่ามีแรงบันดาลใจอะไร เราก็จะตอบไปตรง ๆ ว่าเราทำเพราะ “เงิน” ตอนที่เริ่มทำเราทำฟรีแลนซ์วาดรูปอยู่ แล้วก็มองหาช่องทางในการหารายได้เสริม แล้วด้วยกิจวัตรของเราก็คือ เราเป็นคนใช้ชีวิตอยู่ในโซเชียลมีเดีย Youtube เล่น Facebook อยู่แล้ว แล้วเราก็ไปเห็น Youtuber ฝรั่งเขาทำแล้วเขามีเงิน พวกผลิต Content Lifestyle, Game Caster เรามองเห็นว่าเขาทำแล้วมันดูทำเงินได้ ซึ่งจริง ๆ ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกว่าเขาได้เท่าไหร่ แต่ดูเขาร่ำรวยเราก็อยากทำบ้าง ตอนนั้นในไทยก็เริ่มมี Youtuber บ้างแล้ว ก็เลยลองทำบ้างอยากจะได้ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินขนม แต่พอทำไปเรื่อย ๆ แล้วมันทำเงินได้ สุดท้ายก็เลยลงมาทำจริงจัง
Content แรกใน Channel Atompakon
Atompakon : เราจำไม่ได้ว่า Content แรกเลยเป็นเรื่องอะไร แต่จำได้ว่าเป็นประเภทที่เกี่ยวกับเด็ก ตอนที่เริ่มทำเราไปดูมาว่าคนกลุ่มไหนที่ดู Youtube ในไทยมาก ๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นน้อง ๆ เด็ก ๆ ทำให้เราเอนเข้าหากลุ่มน้อง ๆ ก่อนเลย คือเป็นการวางแผนเพื่อเงิน(หัวเราะ) ตอนนั้นตั้งต้นที่รายได้ก่อนเลย ไม่ใช่เพื่อความสุข ก็เลยทำเนื้อหาประเภทเกี่ยวกับเด็กออกมา
Content เริ่มแรกที่อะตอมตั้งใจผลิตออกมาให้ทุกคนชม จนถึงปัจจุบันมีพัฒนาการยังไง อะไรที่ยังคงอยู่และอะไรที่เพิ่มเติมเข้ามา
Atompakon : เราในตอนแรก ๆ เราเป็นคนที่ไม่กล้าพูด ก็ทำคลิปให้เด็กดู ทำเสียงเล็กเสียงน้อย พอทำไปซักพักเราอยากเพิ่มยอดวิว ก็ไปหาดูว่าสื่อแบบไหนที่คนไทยชอบดู ไปสำรวจมาว่าคนไทยชอบดูตลก เราเองก็ยังชอบดูอะไรที่ตลกเลย ก็เลยไปทำคลิปตลกดีกว่า ซึ่งจริง ๆ ตัวเราเองก็ไม่ได้เป็นคนวี๊ดว้าย ตลกโปกฮาขนาดนั้น คือไม่ใช่ทุกคนที่ตลกได้ แต่เราก็สร้างคาแร็กเตอร์ของความตลกขึ้นมา ซึ่งมันขัดกันเอง เพราะจริง ๆ เราเป็นคนเรียบร้อย พอทำไปซักพักนึงมันเริ่มคอนทราสต์กันไปเรื่อย ๆ แล้วเราทำยูทูปจริงจังด้วยตัวคนเดียว เวลาทำคนเดียวมัน Overtime มาก ๆ เกือบจะ 24 ชั่วโมงเลย เวลาตื่นมาก็ต้องมาทำอะไรที่มันตลก มาทำเสียงให้ดูสนุกสนาน พอทำ ๆ ไป เรากลับรู้สึกเหนื่อยมากก ตอนนั้น ชีวิตก็จะไม่แฮปปี้ เราทำอะไรที่ดูตลก ดูมีความสุข แต่กราฟความสุขในชีวิตของเรากลับดิ่งลง… จนเราต้องกลับมาโฟกัสเรื่องความสบายใจของเรา สิ่งที่เปลี่ยนไปเลยคือ เราลดความตลกลงแล้วก็เอาสิ่งที่เรายังแฮปปี้ในตอนแรก ๆ ที่เราทำก็คือการวาดรูป การทำศิลปะ ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้มันเป็นตัวเราเองมากขึ้น อาจจะไม่ได้พลิกไปเลย แต่คนดูของเราจะค่อย ๆ เห็น จนสุดท้ายมันกลายเป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุขกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ แล้วก็ได้ทำอะไรที่เราแฮปปี้กว่าเมื่อก่อนมาก ๆ
Content ไหนที่ทำแล้วรู้สึกประทับใจมากที่สุด
Atompakon : ที่เราภูมิใจนำเสนอที่สุด น่าจะเป็นงาน Stop Motion ชื่อน้อง Data ของ Dtac ด้วยความที่เรามองว่าตัวเองเป็น Creator เป็น Artist การที่เรามารีวิวของเล่นในยูทูบมันไม่ได้โชว์ฝีมือของเรามากขนาดนั้น พอได้มาทำงานที่แสดงฝีมือเราจริงจังเลยทำให้เรารู้สึกดีมาก แล้วก็โชคดีมากที่ผู้ใหญ่จาก Dtac เขาให้โอกาสให้เราแสดงฝีมือได้เลยภายใต้โจทย์ที่กำหนด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยได้รับ ปกติเวลาโฆษณาเข้ามันจะเป็น Present พูดคำนี้ พูดคำว่า “อร่อยมากเลยนะ” พอเราได้ทำอะไรที่เป็น Production หน่อย ๆ มันก็เลยสนุก เพราะก็เรียนอะไรด้านนี้มา แล้วยิ่งผลตอบรับดียิ่งทำให้รู้สึกดี
อยู่ ๆ วันหนึ่งก็เขียนหนังสือ “เรื่องเล่าจากดาวอื่น” มีที่มายังไง?
Atompakon : การเขียนหนังสือมันอยู่กับเรามาตั้งนานแล้ว แต่มันเป็นการเขียน Content ลงบน Facebook อะไรอย่างนี้ เพราะเราเป็นนักวาดหน่อย ๆ ก็จะมีการทำเพจ วาดรูปประกอบ Content บ้าง แล้วก็รู้จักพี่ที่ทำสำนักพิมพ์…………. พี่เขาก็เลยให้โอกาสว่าลองมาทำหนังสือมั้ย ด้วยความที่เราเป็น Creator อยู่แล้วก็เลยอยากหาโอกาสในการแสดงผลงาน ก็เลยมองว่านี่มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ และได้แสดงผลงานให้กับ Follower ของเรา ว่า เราทำอะไรได้มากกว่าการรีวิวของเล่นนะแก ซึ่งสุดท้ายมันเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ถ้าเราไม่ได้กระโดดไปทำตอนนั้นเราจะไม่รู้เลยว่า มันเหนื่อยแต่คุ้มค่ามาก… หลังจากที่เราปล่อยหนังสือเล่มนี้ไป มีผู้ปกครองหลายคนทักเข้ามาหลังบ้าน บอกว่าขอบคุณมากที่ทำหนังสือออกมา มันทำให้น้อง ๆ เริ่มหันมาอ่านหนังสือ แล้วพอเขาอ่านหนังสือของเรา เขาก็ไปอ่านหนังสือเล่มอื่นด้วย ตอนแรกเราไม่ได้มองว่ามันจะมีคุณค่าขนาดนั้น คิดแค่ว่านี่คือผลงานของเรานะจ๊ะ แต่พอได้ Feedback ดี ๆ เราคิดว่า เห้ย ที่เราทำมันมีค่านะ
อะตอมมีวิธีการคิดและสร้าง Content ยังไง
Atompakon : ถามคำถามตัวเองว่าเราจะสื่อสารอะไร เราจะพูดเรื่องอะไร ถ้าเราสามารถหาสิ่งนี้ได้ การสื่อสารอะไรต่าง ๆ มันก็จะไปต่อได้ แล้วค่อยมาคิดว่าจะทำเป็นเรื่องราวแบบไหน จะทำเป็นหนังสือที่เล่าเรื่องนิทาน จะทำเป็นการ์ตูน อะไรที่มีแกนกลางเหล่านี้อยู่แล้วมันจะสามารถไปต่อได้แน่ ๆ ก็ต้องคอยถามตัวเองว่า “เราจะพูดเรื่องอะไร”
ศิลปะของอะตอม เป็นศิลปะที่เข้าถึงง่าย มีคนดูแล้วนำไปสร้างผลงาน เป็นของขวัญ เป็นของฝาก เป็นความรู้สึกดี ๆ รู้สึกยังไงบ้างที่ทำให้ศิลปะดี ๆ ถูกส่งต่อออกไป
Atompakon : จริง ๆ เราแอบเขินเหมือนกัน เพราะว่าเราวางตัวเองว่าเป็นคนทำศิลปะ แต่ผลงานมันก็ไม่ได้เทียบกับนักวาดคนอื่นได้ เราพยายามทำให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันอาจจะไม่ได้แบบว่า “แกตรงนี้สีมัน Negative มันเป็น Composition ที่ใช้ไม่ได้” คำพวกนี้บางทีมันยากเกินไปสำหรับน้อง ๆ ตอนที่ทำเพจแรก ๆ มันไม่ได้มี Feedback อะไรกลับมามากนัก แต่พอเราทำ DIY ไปได้ซักพักนึงจะมีน้อง ๆ ที่ทำตาม แล้วเขาถ่ายรูปส่งกลับมา ซึ่งจะเยอะในช่วงวันไหว้ครู เป็นถุงมือมาร์เวล เป็นไข่มังกร ที่เราทำให้ดูแล้วน้องเอาไปทำเป็นพานไหว้ครู อย่างน้อยมันช่วยไปเปิดโลกความคิดสร้างสรรค์ให้เขาเอาไปทำต่อ ซึ่งเราก็จะรู้สึกว่ามันดีนะ พอเขามีพื้นที่ในการคิดสร้างสรรค์แบบนี้ เขาก็จะมีโลกที่รู้สึกว่าตัวเองทดลองอะไรได้อีกมาก ซึ่งผู้ใหญ่ในปัจจุบันก็เปิดโอกาสให้เขาด้วย พานไหว้ครูไม่ต้องเป็นข้าวตอกดอกไม้อย่างเดียวอีกแล้ว
Atompakon ออกมาประกาศพักช่องอย่างไม่มีกำหนด อนาคตของอะตอม
Atompakon : ความท้าทายของเรามันเปลี่ยนไป ตอนนี้เรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ท้าทาย เป้าหมายที่เคยท้าทายมันหายไปแล้ว เราก็เลยอยากจะพักตรงนี้ไว้ก่อน มันเหมือนการเบรกซีซั่นหรือปิดเทอม ซึ่งเอาจริง ๆ เราเองก็บอกไม่ได้ว่าจะกลับมารึเปล่า การไปพัก ไปหาคำตอบ ไปเติมไฟอะไรใหม่ ๆ ก็เป็นเรื่องที่ดี บางทีมันต้องไปซ่อมก่อนที่มันจะพังไปมากกว่านี้ ถ้าเรากลับมาเราก็จะกลับมาในอีกเวอร์ชั่นที่เติบโตมากขึ้น มี Positive Energy ตอนนี้เรามีคนติดตามล้านกว่าคน ถ้าเขาจะได้ยินได้ฟังได้เห็นอะไรจากเราหลังจากนี้ มันจะต้องเป็นอะไรที่มีประโยชน์ มีพลังงานที่ดี ช่วยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น จากการที่เมื่อก่อนเราแค่ตลก ไม่ได้บอกว่าเมื่อก่อนไม่ดี แต่เราอยากส่งอะไรดี ๆ ให้กับทุกคนมากขึ้น เราจะยังเป็น Creator อยู่ ยังจะมีผลงานแน่ ๆ ถึงจะยังบอกไม่ได้ว่าด้านไหน ถ้าไม่ได้ทำช่องใน Youtube เราก็จะยังคงทำงานในที่อื่น ๆ จะตั้งใจกับมันมากขึ้นกว่าเดิม ที่ผ่านมาเราอาจจะไม่มีโอกาสโชว์ได้เต็มที่ขนาดนั้น เราอยากจะทำอะไรที่เป็น Master piece ให้คนดูบ้าง เป้าหมายในตอนนี้ก็คือเป็นคนที่มีฝีมือ มีผลงานที่ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ เรามองว่ายังมีพื้นที่อีกเยอะเลยที่จะโตไป
เกือบ 3 ปีในการเป็น Youtuber ให้อะไรกับชีวิตของ อะตอม
Atompakon : อันดับแรกเลยมันทำให้เราเป็นคนใหม่มาก ๆ จากเมื่อก่อนที่เราเป็นเด็กขี้อายไม่ค่อยพูด ตอนนั้นยังไม่กล้าแสดงออก มันค่อย ๆ สร้างเราไปในทางที่เป็นคนมีความคิดมากขึ้น ประสบการณ์หรืองานหนัก ๆ ที่ผ่านมา มันพัฒนาทักษะเราหลายด้าน คิดว่าถ้าเราไม่เริ่มอัดคลิปในตอนนั้น ตอนนี้เราก็อาจะเป็นอะไรก็ไม่รู้ ต้องขอบคุณน้องทุกคนที่เข้ามาคลิปเรา ไม่ว่าจะ 10 วินาที 5 วินาที ทุกอย่างมันหล่อเลี้ยงชีวิตเรามาก ๆ จากคนตัวเล็ก ๆ ที่ต้องทำงานหลาย ๆ งานเพื่อให้มีเงินกินข้าว เรามีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะพวกเขาเลย พวกน้องเป็นส่วนผลักดันที่อยากให้เราทำผลงานมันดีขึ้น เขาช่วย Feedback ช่วยบอกว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี เป็นแรงเสริมกำลังที่ดีมาก ๆ
ติดตาม Atompakon ได้ที่
FB : Atompakon
YOUTUBE : Atompakon
Credits
Text : Thima Maipang
Photographer : Sithipong Tiyawarakul