ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีนิยามกำกับ แต่หากวันหนึ่งความรู้สึกกลับพัฒนาเกินนิยามระบุไว้ มันจะประมาณไหนกันนะ “รู้เป็นเพื่อนกัน แต่ใจฉันมันชอบแก” ท่อนฮุกของเพลง เพื่อนฟีลแฟน ได้ฮุกถึงต่อมแอบชอบ ผลงานล่าสุดในขวบปีที่ 11 ของศิลปินดูโออารมณ์ดี Rooftop
จากดาดฟ้ามหา’ลัยสู่คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก การเดินทางที่ขับเคลื่อนด้วยความตั้งใจ เรามาเปิดเพลงของเขาให้ครบอัลบัม แล้วมารู้จักพวกเขา บี๊บ-ศิรสัณฑ์ หอวิจิตร (ร้องนำ) และ โก้-วศิน อัศวนฤนาท (กีต้าร์) มากขึ้นกันดีกว่า
จุดเริ่มต้นของ Rooftop
บี๊บ: วง Rooftop พวกเราเจอกันที่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นเรียนอยู่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนอะไรที่ไม่เกี่ยวกับดนตรีเลย แต่พอดีว่ามันมีวงดนตรีประจำคณะในชื่อ Banchi (แบนชี่) เราก็ได้เข้าไปเจอกันที่นั่นครับ ตั้งแต่ตอนนั้นที่เราเจอกัน ด้วยความที่เราอยู่ในชมรมดนตรี ก็จะต้องไปเล่นตามงาน ซึ่งบางทีแนวเพลงที่เล่นจะค่อนข้างออกมาทางแนวเพลงผู้ใหญ่หน่อย ไม่ค่อยใช่แนวเรา ตอนนั้นเราเป็นวัยรุ่นชาวร็อค อยากจะเล่นเพลง แสงสุดท้ายกันบ้าง (หัวเราะ) เราก็ชวนเพื่อนๆ 4-5 คนที่เราคิดว่าชอบเพลงแนวเดียวกัน มาเล่นด้วยกัน จนวันหนึ่งระหว่างรอขึ้นโชว์ ก็ชวนกันไปเดินเล่นบนดาดฟ้าของตึกและคุยกัน นี่ก็คือที่มาของชื่อวงด้วย
11 ปี ของ Rooftop เอกลักษณ์ที่เปลี่ยนไปมีอะไรบ้าง
บี๊บ: ถ้าเริ่มนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผมว่าเปลี่ยนไปเยอะ อย่างที่บอกในช่วงแรกเพลงของเราจะเป็นเพลงร็อคเลย ซึ่งทุกวันนี้จะไม่ขนาดนั้นแล้ว แต่ถามว่าอินเนอร์ที่ผมร้อง ยังมีอยู่ในตัวไหม ก็ยังมีอยู่ ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นจากวิธีเล่น ซึ่งทุกวันนี้เวลาเล่นสดก็ยังใช้วิธีคิดของร็อคกันอยู่ แต่จะเป็นร็อคที่เข้ากับยุคสมัยนี้
โก้: ก็เป็นไปตามยุคสมัยของวงการเพลงในบ้านเราด้วยแหละ มันก็จะมีช่วงนึงที่แนวเพลงร็อคเฟื่องฟูจริงๆ เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เหมือนเวลาทำเพลง เราก็พยายามทำตัวเพลงให้ย่อยง่าย ฟังง่าย เป็นตามเทรนด์ในยุคนั้นๆ แต่ตอนโชว์เราก็พยายามเปลี่ยนให้มันส์ขึ้น
เพลงที่ชอบที่สุดในอัลบั้ม
บี๊บ: ยากเลย ถ้าถามว่าชอบเพลงไหน? จะรู้สึกเหมือนถามว่า รักลูกคนไหนมากกว่า? เพราะทุกเพลงรักหมด แต่ถ้าเป็นผมจะเป็นเพลง U R MY FAVORITE NOTIFICATION เป็นเพลง Hidden Track ของอัลบั้มนี้ ชอบเพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่เราทำเองทั้งหมดเลย แล้วเราก็ได้ใส่ลูกเล่นลงไปกับมัน มีความที่อยากใส่อะไรก็ใส่ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าถามว่าชอบกว่าเพลงอื่นไหม ไม่เลย ทุกเพลงเป็นลูกรัก
โก้: ของผมก็น่าจะคล้ายกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเพลงที่ฟีดแบ็กดีกว่าเพลงอื่นๆ พอไปเล่นที่ไหน เราก็จะเห็นรีแอ็กชั่นของคนดูว่าเขาชอบหรือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมากกว่า สมัยก่อนผมก็เคยคิดนะว่าวงรุ่นพี่อย่างวง Mild จะต้องเล่นเพลง Unloveable กี่รอบ? เขาจะเบื่อไหม? วง Zeal ต้องเล่นเพลง สองรัก กี่รอบ? พอเราเองมีเพลงที่คนชอบ แล้วต้องเล่นซ้ำๆ กลายเป็นว่ามันไม่เบื่อเลย เพราะทุกครั้งที่เล่น เราได้เห็นทุกคนมีความสุข เป็นเพลงที่เรียกพลังด้วยซ้ำ
ซิงเกิลแรก (เพลง Time Machine) กับซิงเกิลล่าสุด (เพื่อนฟีลแฟน) มีอะไรต่างกัน?
โก้: ซิงเกิลแรกของ Rooftop นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีสมาชิกคนอื่นๆ ด้วย ซึ่งก็คือ ‘พีช-พชร’ เป็นเพลงแรกที่ได้ร่วมงานกับค่าย Spicydisc และเป็นเพลงที่ได้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Countdown (เคาท์ดาวน์) เราไม่ได้แต่งกันเองด้วย มีรุ่นพี่ในค่าย ‘พี่โช วง Lullaby’ มาช่วยเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ตอนนั้นเพลงยังไม่มีฟีดแบ็กอะไรมาก แต่ก็ดีแล้ว ไม่งั้นพวกเราคงทำอะไรกันไม่เป็น เพราะจากวันนั้นจนถึงวันนี้ เราก็ยังเด็กมากๆ มีคอนเน็คชั่นได้ทำเพลงประกอบหนัง แต่ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมงานขนาดนั้น
บี๊บ: ที่ผ่านมาเราเติบโตด้วยความยากลำบาก เราเป็นคนกันแบบนี้ เหมือนอย่างที่พี่โก้บอก ดีนะที่เรายังไม่ดัง เพราะถ้าดังเราจะงอแข้งงอขาแน่นอน เพราะเราไม่รู้อะไรเลย เราดีใจที่เราไม่ได้ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่นัก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเลยทำให้เราไม่หยุดพัฒนาตัวเองมาตลอดจนเราชิน เรื่องนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่เราชอบ
โก้: ระหว่างทางก็มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการทำเพลง ในตอนแรกเราอาจจะทำเพลงเสร็จ เสิร์ฟ พร้อมกินพร้อมดื่ม มันก็มีจุดที่เราต้องเปลี่ยนวิธีขั้นตอนการทำเพลง ต้องทำเอง ตั้งแต่เริ่มหาไอเดีย เขียนเนื้อร้องทำนอง แล้วค่อยส่งต่อให้โปรดิวเซอร์ส่งให้ค่ายว่าผ่านไหม? ผมว่ามันทำให้เราโตขึ้นเยอะเลย
เล่าถึงคอนเสิร์ต Rooftop Concert : How long? ยาวแค่ไหน ลองมาดู
บี๊บ: มันมีความเป็นครั้งแรกหลายอย่างในนั้นมากครับ เต็มล้น เต็มอิ่มไปหมด นอกจากจะเป็นอัลบั้มแรกแล้ว ยังเป็นคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกของพวกเรา ที่ขายบัตรและ Sold out ด้วย ดีใจมาก มีความสุขไปหมดเลย
การเป็นเด็กบัญชีที่มาเล่นดนตรี ดูเป็นอะไรที่ฉีกแนวแตกต่างกันมากเลย
โก้: ผมชอบเล่นดนตรี เคยมีความคิดสมัยเรียนว่า อยากเข้าคณะดุริยางคศิลป์ แต่ด้วยตอนนั้นพ่อแม่เขาก็อยากให้เราเรียนอะไรที่มั่นคงหน่อย สุดท้ายเราก็ไม่เป็นไร ไปตามกระแสสังคม สอบอะไรยากๆ ที่ดูดีแก่วงตระกูล ตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 4 น้องๆ ฟังพี่ดีๆ ทุกอย่างที่เรียนโคตรยากเลย แล้วพี่ก็คิดเสมอครับว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ ที่เล่าไม่ใช่อะไรครับ เผื่อถ้าน้องๆ ได้อ่านก็จะได้รู้ว่า ถ้าเกิดคุณรู้ว่าคุณชอบอะไร หาตัวเองเจอแล้ว ให้มุ่งไปทางนั้นเลย อย่าไปคิดว่าคนอื่นมองเรายังไง ต้องเรียนเพื่อคนอื่น ทำอะไรเพื่อใคร เราเป็นตัวเองในสิ่งที่ตัวเองอยากทำหรืออยากเรียนดีกว่า
บี๊บ: สมบัติล้ำค่าที่สุดของวัยรุ่นก็คือ หาตัวเองให้เจอ ขอแค่นั้นเลย (หัวเราะ)
โก้: ตอนเด็กๆ เรามีเวลาซ้อมเยอะ ได้แกะเพลง ได้พัฒนาตัวเองเยอะมากเลย แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย มันทำให้เราไม่ค่อยมีเวลามานั่งบ้าคลั่งกับดนตรี ความฝันในการทำดนตรีก็เลยจะน้อยลง จนกระทั่งทำวง Rooftop กัน เรายังไม่คิดจะจริงจังขนาดนั้น แต่รู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีนะ ก็ลองทำดู ตอนนั้นก็ยังถือว่าชิลล์ๆ ช่วงที่เรารู้สึกจริงจังมากขึ้น น่าจะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวง พอคนออกไปเหลือสองคน แค่โก้และบี๊บ เราถึงเริ่มคิดว่าต้องตั้งใจจริงจังกับมันมากขึ้นแล้วนะ
บี๊บ: เพราะว่าตอนที่เรามีกัน 4-5 คน ด้วยวัยที่ยังเรียน ยังไม่คิดมาก เพื่อนเยอะก็ติดเล่น เฮฮาไปหมด ซ้อมกันไปซักพักก็ปาร์ตี้แล้ว แต่พอมันเปลี่ยนไปเหลือสองคน ก็เปลี่ยนไปหลายปัจจัย ทั้งอายุและความคิดที่โตขึ้น พอคนน้อยลง พาร์ทที่ติดเล่นก็น้อยลง เรียกว่ามีความรับผิดชอบมากขึ้น
เพลงใหม่ล่าสุด เพื่อนฟีลแฟน
บี๊บ: ความตั้งใจของเพลงนี้ เป็นความรู้สึกของการ ‘จิ้น’ รวมทั้งเรื่องของไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ไม่ว่าจะเป็นคู่ไหน ชายชาย หรือ หญิงหญิง เพลงนี้มีความรู้สึกของสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวนำ ความรู้สึกแอบรักในมุมจิ้นๆ ที่เราใช้คำว่า เพื่อนฟีลแฟน เพราะเราเห็นจากคู่หญิงหญิงในอินสตาแกรม ผู้หญิงจับมือกันแล้วถ่ายลง หรือเพื่อนผู้หญิงที่อยู่ด้วยกันแล้วทำตัวน่ารักๆ ด้วยกัน เราเลยรู้สึกว่า คำว่า เพื่อนฟีลแฟน เป็นคำที่น่ารักดีจัง แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ ‘พี่แม็ค ศรัณย์’ รวมถึงได้แร็ปเปอร์อย่าง ZENTYARB มาเสริมไลน์แร็ปจนออกมาเป็นท่อนที่ทุกคนได้ฟังกัน
จุดแข็งของเพลง เพื่อนฟีลแฟน จริงๆ เหมาะกับคนหลายวัยมากนะครับ มิวสิควิดีโอจะเป็นมู้ดบรรยากาศสมัยวัยมัธยม เป็นความจิ้นของเด็กวัยรุ่นแรกแย้ม ซึ่งหลายคนคงเคยมีประสบการณ์ ที่เราจะมีเพื่อนสนิทชอบทำอะไรด้วยกัน แต่ไม่กล้าบอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้
นอกจากนี้เพลง เพื่อนฟีลแฟน ยังเป็นเพลงที่เราใส่ Element เข้าไปค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งเนื้อเพลงอาจจะฟังดูย่อยง่าย แต่ซาวนด์ดนตรีมีอะไรที่ซับซ้อนเยอะมาก ลองไปแกะเล่นๆ หรือตั้งใจฟังกันเล่นดูๆ และเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่เราตั้งใจทำให้มันยาวด้วย ใส่ให้เต็มอิ่มไปเลย ตอนแรกเราก็อยากทำให้มันสั้น แต่เราคิดว่าแต่ละท่อนก็ทำหน้าที่ของมันเอง เลยอยากให้ได้ฟังกัน
ยอดวิวอาจจะไม่ดีเท่าเพลงอื่น แต่ยอด Stat กับ Engagement ดีกว่าเพลงอื่น
เหมือนเป็นเพราะเราเรียนบัญชีมาด้วย เลยสนใจเรื่องตัวเลข
บี๊บ: ผมเป็นคนชอบเรื่องตัวเลข ทำดนตรีมันเป็นศิลปะ แต่เราทำธุรกิจ เราก็อยากให้มันเลี้ยงชีพ เราทำอะไรก็เอาตัวเลขมาจับเพื่อเช็กข้อมูลของเราเอง แต่ในการทำงานศิลปะมันไม่มีถูกไม่มีผิด ถ้าคุณจะคิดแค่ว่าไม่มีถูกไม่มีผิด แล้วไม่มีอะไรมาจับเลย มันก็จะยากและมั่วไปหน่อยในสายตาพวกเรา
โก้: ความของวงที่เรียนบริหารมาทั้งสองคน มันก็จะมีอะไรแบบนี้แหละ
บี๊บ: ทั้งหมดที่ผ่านมา สิ่งนี้น่าจะบอกความเป็นตัวตนของพวกเราที่สุด
เหตุการณ์เพื่อนฟีลแฟนของแต่ละคนมีอะไรบ้าง?
บี๊บ: ผมมีเพื่อนคนหนึ่งสนิทกันตั้งแต่ประถม ฟีลแฟนขนาดที่ว่าไปเที่ยวกับคุณพ่อ พอลงสนามบิน ผมร้องไห้ว่าอยากไปเจอเพื่อนผู้ชาย เพราะพ่อบอกว่าต้องไปส่งลุงก่อน เดี๋ยวจะไม่ทัน ผมอยากเจอเพื่อนมากจนร้องไห้ พ่อก็งง หรือมีอีกชอตหนึ่ง ตอนนั้นอยู่ประถมแล้วชอบดูมวยปล้ำมาก ผมกับเพื่อนเล่นมวยปล้ำกัน แล้วพ่อเข้ามาเจอพอดี เห็นเด็กผู้ชายสองคนใส่กางเกงในปล้ำกันอยู่ ในหัวเราเมามันส์มาก เหมือนเป็นฉากแอ็กชั่น เราเป็น Triple H กำลังใส่ท่า Pedigree แต่พ่อเปิดประตูเข้ามา พ่อช็อค แล้วเดินออก
โก้: ของผมน่าจะเป็นเรื่องความคิดปรุงแต่งในจิตใจ ไม่ค่อยเกิดขึ้นในโลกจริงเท่าไหร่ ก็จะเป็นเหตุการณ์ที่เข้าโรงเรียนครั้งแรกแล้วเจอเพื่อนผู้หญิงมากกว่า จากเด็กชายล้วนมาทั้งชีวิตแล้วต้องไปเรียนโรงเรียนสหฯ ต้องเจอผู้หญิง มันเป็นเรื่องใหญ่นะ เวลาเจอมันไม่ได้เป็นเลเวลที่พัฒนาความสัมพันธ์ต่อ แต่จะเป็นการแอบชอบในช่วงสั้นๆ มากกว่า ถ้าเป็น What if? กับคนนี้จะเป็นยังไง แต่สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันนะ เวลาเจอกันก็จะรู้สึกว่าเป็นความจิ้น
ถึงคน GEN ใหม่
บี๊บ: เด็ก ๆ เก่งอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่วัยรุ่นต้องเจอกับข้อมูลเยอะ เราอาจจะต้องระวังการรีแอ็กอะไรเร็วๆ แล้วก็ระวังการฟังผู้ใหญ่ที่เราอาจจะรู้สึกว่าเขาข้อมูลน้อยเยอะกว่าเรา แต่อย่าลืมว่าเขามีประสบการณ์บางอย่างที่เราอาจจะหาไม่ได้ แนะนำว่า เก่งอยู่แล้ว แต่ให้ใจเย็นๆ ละกัน
โก้: หาตัวเองให้เจอ ยิ่งเร็วยิ่งดี ใช้ชีวิตให้มีความสุข
บี๊บ: ถ้าเรารู้สึกว่าเรามีความสุขกับสิ่งนั้น แล้วเราชอบ เรารักมัน เราก็ไปทางที่เราชอบนั่นแหละ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่เวิร์ก เราได้ลองทำเต็มที่แล้ว แล้วเราอยากลองไปทำอย่างอื่น มันก็เริ่มเรียนรู้ได้ ยังไม่สายเกินไปหรอก
บี๊บ: การเป็นศิลปินไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นอาชีพที่ค่อนข้างมีความไม่แน่นอนสูง เป็นได้ไหม? เชื่อว่าเป็นได้ แต่ต้องมีใจรัก เพราะว่าสิ่งที่เราลงทุนไปในฐานะศิลปิน อาจไม่มีผลตอบแทนกลับมาเลยก็ได้ ระหว่างทางมันมีเรื่องที่เราต้องสู้กับมันไป แต่ต้องสู้ไปเท่าไหร่ มันไม่มีกฎตายตัว อาชีพอื่นๆ อาจจะมีสูตรของเขา แต่อาชีพศิลปินมันไม่มีสูตร ดังนั้นถ้าอยากเป็นก็ต้องมีใจรักมากๆ
สิ่งที่อยากฝากรัฐบาล นโยบายถึงน้องๆ รุ่นใหม่
บี๊บ: ถ้าเกิดว่าแก้ได้ ผมอยากจะให้การศึกษาไทย อย่าไปสร้างแบบแผนให้เขา เด็กทุกวันนี้เก่งกันอยู่แล้ว แต่สร้างพื้นที่ให้เขาได้เรียนและรู้จักตัวเองกันเยอะๆ แล้วก็ได้รู้ว่าตัวเองชอบอะไรเร็วๆ ไม่ใช่ว่าไปจดจ่ออยู่กับแบบแผนที่จะต้องเรียนแบบนี้นะ ต้องเป๊ะ ต้องท่องจำ อยากให้เน้นลงมือทำ ให้เขารู้ตัวว่าชอบหรือไม่ชอบ และมีอาจารย์แนะแนวที่สามารถบอกได้ว่า คุณชอบสิ่งนี้ไหม?
โก้: วิชาเลือกสำคัญ ทุกคนได้เลือกเอง คุณชอบไปทางสายศิลป์ คุณก็ไปลงเรียนดนตรี คุณคำนวนเลขไม่เก่ง ก็ไม่ต้องไปเรียนถึงขั้น Advance ก็ได้
บี๊บ: หรือแม้แต่วิธีการเลือกก็ไม่ต้องไปเลือกตามแบบคนอื่นนะ แต่ให้เลือกในแบบของตัวเอง สิ่งเหล่านี้มันพัฒนาได้
ติดตาม Rooftop ได้ที่
FB
www.facebook.com/rooftopbandofficial
www.facebook.com/Spicydiscrecord
IG
www.instagram.com/rooftop_official
Photo : Patarit Pinyopiphat
Interview : Sithipong Tiyawarakul
Text : Saovapak Ayasanond