กว่า 10 ปีที่ กันต์ ชุณหวัตร ใช้เวลาเดินทางและเรียนรู้แต่ละบทของชีวิต ทั้งในฐานะนักแสดง-นักร้อง-นักเขียนที่มอบความสุขให้กับผู้อื่นผ่านรอยยิ้ม เสียงเพลง และตัวหนังสือ
กลับมาครั้งนี้ กันต์พาเพลง ‘ถ้าวันหนึ่ง’ มาบอกเล่ามุมมืดที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้รอยยิ้มของเขาที่มีทั้งสุขและเศร้าไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
เรื่องราวเบื้องหลังเพลง ‘ถ้าวันหนึ่ง’
GUNN : เพลงล่าสุดของผมมีชื่อว่า ‘ถ้าวันหนึ่ง’ เป็นเพลงที่เริ่มทำงานจากความรู้สึกของเรา มันเกิดขึ้นจากวันหนึ่งที่เรานอนไม่หลับ ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วนั่งคิดว่า ตัวเราทำอะไรอยู่ บางทีเราก็สับสน มีเคว้งบ้าง มีคำถามเกิดขึ้นในหัวว่า ถ้าวันนึงเราตื่นขึ้นมาแล้วโลกลืมเรา ไม่มีใครจำเราได้ มันจะเกิดอะไรขึ้น เลยมานั่งคุยกับพี่ๆ แล้วก็ทำเพลงนี้ขึ้นมา
ในพาร์ทของดนตรีก็ยังคงความเป็นเพลงป๊อปไว้อยู่?
GUNN : จริงๆ แนวดนตรีเราอยากให้ดนตรีมันฟังง่ายหน่อย เพราะเรารู้สึกว่าเรื่องที่หยิบมาเล่า มันจับต้องไม่ค่อยได้ เลยอยากให้ดนตรีออกมาเป็นป๊อปที่ไม่ได้เปิดมาแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย ไม่เอา พูดเรื่องอะไรเนี่ย อยากให้มันเป็นมิตรกับคนฟังหน่อย เพื่อให้เราเล่าเรื่องราวได้ พูดกว้างๆ ก็เป็นเพลงป๊อปแหละครับ
เพลงนี้เป็นอีกพาร์ทหนึ่งของกันต์ที่ไม่เคยมีใครเห็น?
GUNN : พูดแบบนั้นก็อาจจะได้ครับ เรียกว่า อยากพูดถึงเรื่องนี้ให้คนเห็นบ้าง เพราะดูจากด้านหน้า มันแฮปปี้ สนุก เรามีช่องทางมากมายทั้งอินสตาแกรม เฟสบุ๊ค ในการบอกว่าเราใช้ชีวิตยังไงอยู่ แต่ว่าปกติเราก็ไม่ได้หยิบด้านที่เราเจ็บปวดหรือเครียดออกมาโชว์คนอื่นหรอก แต่เราก็อยากให้คนเข้าใจว่า คนที่เขาดูแฮปปี้ทุกวัน เขาก็ต้องมีเรื่องเครียดของเขาเหมือนกัน
กันต์ กับ ช่วงเวลาที่สับสนในชีวิต
GUNN : ผมว่าทุกคนต้องเคยมีช่วงที่รู้สึกว่า อะไรวะ ทำอะไรอยู่อะ แบบนี้ดีแล้วหรอ มันต้องมีแหละ แต่จะเป็นมากน้อยแค่ไหน ก็เลยอยากเล่าเรื่องนี้ เพราะตัวเราก็เป็น อาจจะเป็นบ่อยด้วยซ้ำ ถึงคนจะเห็นภาพว่าเราสดใส เรามีชีวิตที่โอเค สนุกดี เจอคนเยอะ มีรายได้ที่โอเค แต่ว่าบางทีเราก็แลกมาด้วยอะไรบางอย่างที่ค่อยๆ โดนกลืนกินเข้าไป เราก็เลยอยากหยิบตรงนี้มาพูดบ้างว่า เออ มันก็เกิดคำถามเยอะนะกับสิ่งที่เราเป็นอยู่
แล้วตอนที่เผชิญปัญหา กันต์ก้าวข้ามผ่านมันมาได้อย่างไร
GUNN : เราก็ไม่แน่ใจว่า เราข้ามผ่านมันมาได้หรือเราตกอยู่ที่เดิม ขอเรียกว่า พยายามไม่ให้มันมาทำร้ายเราดีกว่า แค่รู้สึกว่าต้องปล่อยวาง ช่างมันบ้าง เป็นอย่างที่อยากเป็นบ้าง ทำที่อยากทำบ้าง รู้สึกว่าบางทีเหนื่อยก็พัก มันมีนะที่เรารู้สึกว่ามันกำลังจะระเบิดแล้ว เราจะออกไปเที่ยว ซื้อตั๋วเครื่องบินบินไปไหนก็ได้ ตั๋วที่ถูกที่สุดตอนนั้น หนีไปเลย ไปเจอที่ใหม่ เจอคนใหม่ คนที่ไม่รู้จักเราเลย มันทำให้เราผ่อนคลายกับบรรยากาศตรงนั้น
ถ้าวันนึงโลกลืมเราไปแล้วจริงๆ ชีวิตของกันต์หลังจากนั้นจะเป็นยังไงต่อ?
GUNN : นั่นสิครับ ถ้ามันเกิดขึ้นกับชีวิตจริง เราก็ไม่แน่ใจว่าเราจะเผชิญกับมันยังไง เพราะเพลงมันก็เป็นแค่การเปรียบเปรยกับคำถามแหละ แต่ถามว่าในชีวิตจริงมันถึงขั้นนั้นไหม มันก็ไม่ใช่ว่าโลกจะทิ้งขวางเราขนาดนั้น แต่มันเป็นความกลัวมากกว่า ผมให้คำตอบไม่ได้ว่าจะทำยังไงหรือเป็นยังไง แต่มันน่ากลัวนะ
นอกจากการเป็นนักแสดง-นักร้อง เห็นกันต์มีหนังสือเป็นของตัวเองด้วย เล่าให้ฟังหน่อยสิ
GUNN : จุดเริ่มต้นมาจากเราชอบอ่านตั้งแต่เด็ก โตมาโดยการโดนที่บ้านบังคับให้อ่านหนังสือ เพราะอ่านได้ช้า เขียนได้ช้ากว่าเด็กคนอื่น เราเลยผูกพันกับกระดาษ-หนังสือมาตั้งแต่เด็ก จนเราติดนิสัยต้องมีหนังสือไปทุกที่ไม่งั้นจะไม่สบายใจ ก็อ่านมาเรื่อยๆ แล้วมันถึงวันที่เราเริ่มอยากเขียน ก็ไม่รู้หรอกว่าต้องเขียนยังไง บังเอิญได้รู้จักพี่วิภว์จาก happening เลยเดินเข้าไปบอกว่า ขอเขียนหนังสือหน่อย ก็เลยเริ่มจากตรงนั้น
ติดใจถึงขนาดที่เล่มต่อมาทำเองหมดเลย?
GUNN : พอเริ่มรู้กระบวนการ ก็เริ่มอยากเลือกพวกกระดาษเอง พอเขียนเรื่องต่อไปก็อยากเป็นคนเลือก คือเป็นคนชอบทำงานเองในหลายๆ อย่าง ชอบดูเอง ชอบไปนั่งคุมอันนั้นอันนี้ตามที่เราต้องการ ก็เริ่มจาก 0 ไม่รู้อะไรเลย เริ่มโทรถามโรงพิมพ์เอง ต้องทำยังไงบ้าง ส่งของเอง โทรหาร้านหนังสือเอง ขนเอง ทำคนเดียว มันเกิดจากการที่ชอบ สนุก ไม่ชอบอย่างเดียวตอนทำเรื่องบัญชี ตอนแรกทำเองทุกอย่างเลยครับ แต่ตอนนี้เรียนรู้ที่จะจ้างแล้ว มันก็เริ่มมาจากอะไรแบบนี้แหละครับ ตอนนี้ก็มีสำนักพิมพ์เล็กๆ ของตัวเอง จริงๆ ต้องเปิดพรีออเดอร์วันนี้แหละครับ แต่ปกยังไม่เสร็จเลย (หัวเราะ)
เสน่ห์ของกระดาษที่ไม่เหมือนกับการอ่านในมือถือ
GUNN : มันคือสัมผัส การเป็นเจ้าของ การได้จับต้อง เป็นรูปธรรม สุดท้ายแล้วเราสามารถอ่านอะไรเป็นร้อยๆ หน้าในโทรศัพท์ได้จริงๆ หรอครับ ผมคนนึงที่ทำไม่ได้แน่ๆ
งั้นความสำเร็จของการทำเพลง–หนังสือสำหรับกันต์อยู่ที่ตรงไหน?
GUNN : มีความสุขตอนที่คนมาบอกว่า ชอบตอนนี้ตอนนั้น หรือแม้กระทั่งทักมาตามที่ต่างๆ ว่าเห้ย ชอบจัง เราก็จะมีความสุข เพลงก็เหมือนกัน ถ้ามีคนพูดถึงก็จะมีความสุข มันเป็นความสุขคนละแบบกับตอนที่เห็นเม็ดเงิน เราปฏิเสธไม่ได้หรอกที่เห็นเงินแล้วมีความสุข ใครได้เงินก็ต้องมีความสุข เพราะมันทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ แต่อีกอันมันเป็นความสุขทางใจว่า เออ ที่เรานั่งทำ มันก็ยังมีคนเห็นเนอะ อาจจะแค่สองสามคนก็แฮปปี้แล้ว บางคนเขียนมายาวมาก เรารู้ว่าการที่เขาเขียนอะไรมาหาคนอื่นยาวขนาดนี้เขาต้องอินแหละ มันก็ทำให้เราอยากทำต่อไปเรื่อยๆ ถ้ายังไม่ล้มละลายนะ (หัวเราะ)
จุดร่วมของตัวหนังสือ เสียงเพลง และการเดินทาง
GUNN : ผมว่ามันอยู่ด้วยกันตลอดนะ เวลาเราออกไปไหนเราก็อยากจะมีเพลงดีๆ ฟัง มีหนังสือดีๆ สักเล่ม อย่างตอนเราอยู่บนเครื่องบินเราก็หยิบหูฟังมาใส่ อ่านหนังสือ พอจะออกไปที่อื่นต่อ เราก็เก็บหูฟังกับหนังสือของเรา เพื่อที่จะไปหาเพลงใหม่ๆ และหนังสือใหม่ๆ ต่อ คือมันทำด้วยกันได้ เลยอยากจะให้สิ่งพวกนี้เป็นรายได้หลักของเรา เราจะได้อยู่กับมันได้ตลอดไป
พอเราใช้ความชอบผลักดัน มันเลยทำให้เราไปได้ไกลใช่ไหม?
GUNN : ไปได้ไกลไหมก็ไม่รู้นะ แต่มันทำให้เราไม่เครียด ถ้าตอนนั้นเราจะได้เงินน้อยหน่อย เพราะอย่างน้อยๆ เราก็ได้ทำในสิ่งที่เราชอบแล้ว แต่ถ้าเราทำสิ่งที่เราไม่ชอบแล้วทำแล้วได้เงินเยอะเนี่ย พอมันไม่ได้เยอะขึ้นมามันคงจะทำให้เราหงุดหงิด เพราะเราทำสิ่งที่เราไม่ชอบอยู่
มีอะไรอีกไหมที่กันต์อยากลองทำซักครั้ง
GUNN : อยากลองพักงาน ไปทำอะไรแบบที่คนอื่นเขาทำกันบ้าง อยากเรียนต่อบ้าง ไม่ต้องกังวลงานบ้าง เรายังไม่เคยทำเลยอะ เราเริ่มงานตั้งแต่ม.5เลย เราต้องมีระเบียบกับตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น บางทีก็ไม่อยากมีระเบียบอะ อยากแบบวันนี้ตื่นตอนนี้เว้ย แล้วก็อยากไปไหนก็ไป อยากลองเป็นคนธรรมดา ตอนเรียนมหาลัยก็ไม่ได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนเลย แค่อยากลองเบรกสักปี อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง แต่ก็กลัวล้มละลายอะครับ (หัวเราะ)
สุดท้ายแล้ว ฝากผลงานหน่อย
GUNN : เพลงนี้ชื่อว่า ‘ถ้าวันหนึ่ง’ ก็ไม่อยากให้มองเป็นเพลงเศร้าหรือเพลงที่หดหู่อะไร อยากให้มองว่าเป็นเพลงที่เป็นตัวแทนของความรู้สึกที่ผมเชื่อว่าทุกคนเคยเจอ ไม่อยากให้มองว่ามันเศร้ามันเหงาอะไรขนาดนั้น อยากให้ฟังปกติ แล้วก็มีหนังสือใหม่ ชื่อว่าฮอกไกโดสีขาวครับ กำลังจะออกเร็วๆ นี้ คิดว่าถ้าร้านหนังสือคงเข้าหลังงานหนังสือ
แอบกระซิบได้ไหมว่าเป็นหนังสือแบบไหน
GUNN : เป็นหนังสือท่องเที่ยวเกาะฮอกไกโดในวันที่หิมะตก มันหนาวมาก ๆ เดินทางด้วยรถไฟ มีคนชอบบอกผมทำเพลงเศร้า แต่หนังสือเล่มนี้ ถ้าให้ผมนิยามผมจะบอกว่ามันคือหนังสือรักครับ ประมาณนี้ (ยิ้ม)
ติดตาม กันต์ ชุณหวัตร ได้ที่
FB : BOXX MUSIC
IG : gunnjunhavut
Credits
Text : Nitsanart Nilthongkum
Photographer : Sithipong Tiyawarakul