ช่วงเวลาได้นำพาชีวิตของ แมน-ธฤษณุ สรนันท์ / พีเค-พัสกร วรรณศิริกุล / และ ดารัณ- เศรษฐณิช ชนวราสุทธิศิริ ให้กลายเป็นที่รู้จัก ผ่านเวทีการประกวดอันเป็นที่จับจ้องจากสายตาของคนทั้งประเทศ และยังคงเป็นเวลาอีกนั่นเองที่ได้ชักพาผลักดันให้พวกเขาเติบโตขึ้นภายใต้ภาวะต่าง ๆ ของการทำงานในวงการบันเทิง ผ่านความเศร้า ความสุข รอยยิ้ม และคราบน้ำตา Mellow Issue อาสาที่จะพาไปเผชิญหน้าและรู้จักกับแง่มุมต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเวลาแห่งการประสบความสำเร็จของคนทั้งสามวัยเด็กของดารัณ
DARRAN : ตอนเด็ก ๆ เป็นเด็กที่รักการเล่นกีฬาค่ะ คือเราจะเป็นเด็กที่ออกกำลังกาย เล่นกีฬาทุกชนิดเหมือนผู้ชายเลย ถ้าให้พูดกันจริง ๆ ช่วงวัยรุ่นนี่อีกนิดเดียวจะเรียกว่าทอมได้แล้ว ถึงขั้นมีผู้หญิงมาจีบ คือตอนเด็ก ๆ ตอนนั้นไม่ได้เป็นคนรักสวยรักงามอะไรแบบตอนนี้เลย เราจะเป็นคนที่ชอบกีฬามาก ทำอะไรแมน ๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ทำได้ดี ไปแข่งแล้วจะได้รางวัลมาตลอด ก็เลยทำให้รู้สึกว่ามีความมั่นใจในด้านนี้ ตอนเด็ก ๆ ก็เลยอยากที่จะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติให้ได้
ช่วงเวลาประทับใจในวัยเด็ก?
DARRAN : ช่วงเวลาที่ประทับใจมาก ๆ ก็จะเกี่ยวกับกีฬาค่ะ คือครั้งนึงเรามีโอกาสได้แข่งกับนักว่ายน้ำจากชาติอื่น ๆ เป็นตอนที่แข่งว่ายน้ำกับนักกีฬาจากอาเซียน ตอนนั้นเราแข่งได้ที่ 5 มันอาจจะไม่ได้เป็นชัยชนะอะไร แต่ว่ามันเป็นการแข่งขันสากลที่เรารู้สึกดีใจมาก ๆ ซึ่งพอหลังจากนั้นโค้ชที่เขาดูแลเราอยู่เขาก็เลิกทำทีมไป คือเราจะอยู่ในสโมสรของทหาร พอเขาเลิกทำเราก็เลยต้องย้ายไปฝึกกับของจังหวัดซึ่งมันไกลจากที่พักมาก ทำให้เราไม่ได้ซ้อมต่อเนื่อง ผลงานก็เลยแย่ลง จนรู้สึกว่ามันคงจะสุดเส้นทางกีฬาว่ายน้ำของเราแล้วหละ แต่ความรักในกีฬามันก็ยังคงอยู่ ก็เลยยังเล่นกีฬามาอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนไปเล่นบาสแทน ซึ่งก็ไปได้ดีจนได้ติดทีมจังหวัด
เป็นคนที่รักในกีฬา แล้วเริ่มเข้ามาในวงการบันเทิงได้ยังไง?
DARRAN : คือต้องย้อนกลับไปก่อนว่าเราเติบโตมาโดยที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ทั้งคู่ทำงานอยู่ที่ออสเตรเลียคุณพ่อเป็นวิศวกร ในขณะที่คุณแม่รับจ้างทั่ว ๆ ไป เรากับน้องก็เลยโตมาโดยอยู่กับครูที่สอนรำไทย เหมือนเขาเป็นแม่คนที่สองของเราเลยก็ว่าได้ เลยโตมาแบบเด็กกิจกรรม คือชอบเล่นกีฬาไปด้วย ในอีกด้านก็เรียนรำ เต้น เรียนการแสดงไปด้วยตลอด ทำให้เราผูกพันแล้วชอบกิจกรรมพวกนี้ จนวันนึงคือน้องชายเราแกล้งไปสมัครประกวดผ่านทางออนไลน์ให้โดยที่เราไม่รู้ตัว คือเขาแกล้ง แล้วก็มีคนโทรมาติดต่อ ก็เลยมีโอกาสได้เข้าไปคัดตัวประกวด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เราหันมาดูแลตัวเอง เริ่มลดน้ำหนัก ดูแลผิวพรรณต่าง ๆ เริ่มทำฟัน
เวลาว่าง?
DARRAN : เวลาว่างก็เหมือนวัยรุ่นทั่ว ๆ ไปค่ะ เป็นคนชอบปาร์ตี้ ชอบงานเลี้ยง งานสังสรรค์ นอกนั้นก็ใช้ชีวิตไปกับการดูหนัง ฟังเพลงทั่ว ๆ ไป
ถ้าต้องพูดถึงช่วงเวลาที่ท้าทาย หรือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับดารัณคือเวลาไหน?
DARRAN : คือในชีวิตของทุกคนมันก็คงต้องเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากกันหมด สำหรับเราแล้วมันจะเป็นช่วงที่ต้องดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตัวเองทั้งหมด ซึ่งวันนึงทุกคนก็ต้องเป็นอย่างนี้ แต่แค่มันมาถึงเร็วหน่อยและเป็นเวลาที่เรายังไม่พร้อม มันเหมือนกับเด็กคนนึงที่เคยมีเงินใช้มาโดยตลอด ทางบ้านจะคอยส่งให้ทุก ๆ เดือน แต่พอวันนึงทุกอย่างมันหายไปหมดเลย เพราะพ่อป่วยหนักมากจนต้องใช้เงินเก็บที่มีทั้งหมดในการรักษาตัว ต้องขายบ้านแล้วเรากับน้องก็เรียนอยู่ ซึ่งตอนนั้นเราเรียนการบินอยู่ค่าใช้จ่ายมันก็ค่อนข้างสูง แม่ก็มาป่วยอีกกลายเป็นจุดติดลบของบ้าน ค่าเทอมตอนนั้นยังจ่ายเองไม่พอเลย จ่ายได้แค่ค่าหอเพราะทำงานร้านฟาสท์ฟู๊ดได้แค่เดือละ 5-6 พัน
ชีวิตเปลี่ยนไปมากแค่ไหนในช่วงเวลานั้น?
DARRAN : ก็เปลี่ยนไปมากค่ะ เราเครียดมาก จนถึงขั้นรู้สึกว่าปัญหาเยอะจัง ไม่อยากอยู่อีกแล้ว เราขอเงินคนอื่นเขาไปทั่วเลย ยืมเพื่อน ยืมรุ่นพี่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่มีใครหรอกที่จะให้เรายืม จนมีคนรู้จักเขาแนะนำให้ไปทำงานหาเงินในแบบที่ไม่ดี ก็เลยเลือกที่จะไปทำ คือตอนนั้นเราคิดแค่ว่าจะทำให้เราอยู่รอดได้ยังไง ซึ่งก็เป็นจุดผิดพลาดนึงของชีวิตเรา
เรียนรู้อะไรจากช่วงเวลาเหล่านั้นบ้าง?
DARRAN : คือช่วงเวลาพวกนั้นก็สอนให้เราหาเงินนะ การทำงานฟาสท์ฟู๊ดอย่างเดียวมันไม่พอ ก็เลยต้องเริ่มทำงานประกวดมากขึ้น เวลามีคนชวนให้ไปประกวดอะไรอย่างนี้ ไปประกวดนางงาม ซึ่งเรามองว่ามันเป็นรายได้ที่โอเค ก็เลยทำให้เราหันมาดูแลตัวเอง เพื่อที่จะยึดรายได้ตรงนี้เป็นอาชีพในการเลี้ยงตัวเองจนถึงปัจจุบัน
คนมองว่าดารัณเปลี่ยนไปมาก นอกจากชื่อแล้วอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง?
DARRAN : เรารู้สึกว่าน่าจะเป็นบุคลิกนะคะที่ค่อนข้างเปลี่ยนไป ความมั่นใจ ความกล้าแสดงออก สติที่มากขึ้นในการพูดคุย ในการเข้าสังคม ดูมันเปลี่ยนไปหมดเลย จริง ๆ เราก็ไม่อยากเชื่อเรื่องชื่อเท่าไหร่ แต่ทุก ๆ คนรอบข้างก็จะทักตลอดว่าดูเปลี่ยนไป อาจจะเพราะเราโตขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น พอเอามาเปรียบเทียบกันในสายตาของใครหลาย ๆ คนก็อาจจะเห็นว่ามันไม่เหมือนเดิม
ช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิต?
DARRAN : น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราเข้ามาใน The Face ค่ะ ถึงมันจะผ่านอะไรที่ยากลำบาก หรือเหนื่อยมาก ๆ เวลาต้องเจอกับคำวิจารณ์ต่าง ๆ ทั้งจากการแข่งขันแล้วก็ผู้คนในอินเทอร์เน็ต แต่มันก็ทำให้เราเป็นที่รู้จัก มีเงิน มีอาชีพ มีรายได้อยู่ในทุกวันนี้ มีคนที่ชอบมากขึ้น ถือเป็นช่วงเวลานึงที่เปลี่ยนชีวิตเราไปเลย เปลี่ยนไปมาก ๆ
เวลาที่ตกหลุมรักดารัณเป็นคนแบบไหน?
DARRAN : ถ้าโมเม้นท์ตกหลุมรักเรามักจะเก็บอาการไม่อยู่ค่ะ เป็นคนเสียจริตไปเลยเวลาเจอคนที่ชอบมาก ๆ เป็นคนที่ปิดอะไรใครไม่ได้ แววตาหรืออะไรต่าง ๆ มันจะออกหมด ไม่กล้ามอง คือยังไงคนคนนั้นเขาจะรู้แน่นอน แต่ถ้าคบกันแล้วเราจะเป็นคนตรง ๆ เป็นคนซื่อสัตย์ คิดอะไรจะพูดอย่างนั้น รับได้คือรับได้ เราเป็นคนพูดตรงมาก ผู้ชายบางคนจะกลัวผู้หญิงพูดตรง คือเราจะไม่ใช่คนนิสัยผู้หญิงที่จะ “ไม่เอา” “ไม่รู้” แต่มีอะไรก็จะพูดออกมาหมดเลย ซึ่งมันมีทั้งข้อดีข้อเสีย มันก็ทำให้ปรับกันง่าย แต่บางครั้งก็ทำร้ายกันได้เหมือนกัน
วงการนางแบบเติบโตขึ้นมากตั้งแต่มีรายการ Reality ต่าง ๆ ในฐานะผู้เข้าแข่งขันและคนที่อยู่ในวงการนี้ ดารัณมองวงการนี้ว่ายังไง และจะแนะนำคนที่อยากมาอยู่ตรงนี้ว่าควรเตรียมอะไรบ้าง?
DARRAN : วงการนี้ถ้าเป็นสมัยนี้จะอยู่ให้นานมันคงจะยากกว่าสมัยก่อนมาก การแข่งขันมันสูง เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา มันไม่ใช่แค่การมาถ่ายแบบ ถ่ายรูป แต่ต้องมีทุกอย่าง เหมือนเขามองหาคนที่มีทักษะสูงและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ถ้าจะเข้ามาต้องมีทักษะความสามารถอื่น ๆ ให้ตัวเอง เพื่อสร้างความสนใจและทำให้เป็นที่ยอมรับให้มากขึ้นค่ะ มันอาจจะทั้งต้องเต้นเป็น ต้องมีอินเนอร์ มีอะไรอื่น ๆ ในการถ่ายแบบมากขึ้น ดูแลร่างกายให้มาก ๆ เทรนด์มันเปลี่ยนไปแล้ว จะผอมแห้งแบบเมื่อก่อนก็ไม่ได้ ต้องเฟิร์มร่างกาย ดาราเองก็เหมือนกัน หน้าตาดีอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็สวย เหมือนวงการบันเทิงก็เรียกร้องความสามารถจากคนในวงการที่มากขึ้นด้วย เราก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอด เวลามีอะไรใหม่ ๆ ก็ต้องไปหาเรียน ไปเทคคอร์สอยู่ตลอดเวลา
งานในวงการบันเทิงมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องทำ สำหรับดารัณแล้วจัดการ “เวลา” ยังไงให้มีค่าที่สุด?
DARRAN : คือสำหรับดารัณไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องยากในการจัดเวลานะ ไม่ได้ต้องแบ่งขนาดนั้น เราให้เวลากับการเรียนมากที่สุด ในขณะที่เวลาอื่น ๆ นอกจากนั้นก็ทุ่มเทให้กับงาน ส่วนการดูแลตัวเองก็กำหนดการกินอาหาร ดูแลผิวพรรณก่อนอน แล้วก็ออกกำลังกายค่ะ อาจจะแบ่งแบบคร่าว ๆ ให้มันมีอิสระบ้าง ว่าแต่ละวันต้องทำอะไร จดทุกอย่างที่จะต้องทำเอาไว้ในสมุด ดูเป็นวิธีโบราณหน่อยนะ(หัวเราะ)
ช่วงเวลาต่อไปในอนาคตของดารัณ?
DARRAN : จริง ๆ เราก็ลังเลอยู่เหมือนกันระหว่างการทำงานในวงการต่อไป กับการไปสมัครเป็นนักบิน เพราะถ้ายังไม่มีละครหรือภาพยนตร์ให้แสดง ก็คิดว่าก็อาจจะทำอย่างอื่น อยากทำอะไรที่มันมั่นคง อีกอย่างนักบินก็เป็นอาชีพที่เราชอบแล้วก็ฝันอยากเป็นมาก่อน ตอนนี้อยากไปฝึกบินจริง ๆ แล้ว เรารู้สึกชอบ ซึ่งถ้ามันทำควบคู่กันไปได้ก็คงจะดี แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเราว่าการจะเป็นนักบินได้มันแทบจะไม่มีเวลามาทำอย่างอื่นเลย
ฝากอะไรถึงคนที่ติดตาม?
DARRAN : สำหรับเราแล้วรู้สึกว่าธรรมชาติจะคอยกรองคนที่เข้ามาอยู่รอบ ๆ ตัว ก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชอบเรา เข้ามารักเรามากค่ะ รู้สึกดีนะที่ยังมีคนเหล่านี้อยู่เคียงข้าง แฟนคลับเป็นกลุ่มที่ดีนะ ทำให้รู้ว่าเขายังอยู่กับเรา เขาอยากให้เราทำงานต่อในวงการ และเป็นอีกกำลังใจนึง
ก้าวย่างบนหนทางแห่งการเติบโตอาจมีอุปสรรคและขวากหนามมากมายที่คอยขัดขวาง แต่สิ่งหนึ่งที่ดารัณได้พิสูจน์ต่อผู้คนบนเส้นทางชีวิต คือถนนเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงเธอให้เติบโตขึ้นด้วยความแข็งแกร่ง
ติดตาม DARRAN ได้ที่
IG : darran.n
“เราก็ไม่อยากเชื่อเรื่องชื่อเท่าไหร่ แต่ทุก ๆ คนรอบข้างก็จะทักตลอดว่าดูเปลี่ยนไป อาจจะเพราะเราโตขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น”
Special thanks : Swatch
https://www.swatch.com/th_th/
Credits
Model : เศรษฐิณิช ชนวราสุทธิศิริ
Photographer : Patarit Pinyopiphat
Stylist : Sutsiri Nimruang
MUA & Hair : Chawalit Chumsiri
Fashion Producer : Sunicha Suparat
Photographer’s Assistant :Sithipong Tiyawarakul, Copter Chaosaowpa, Praweena Fangrew
Text : Thima Maipang
*Model wears
1.) Rally movement