“บีน” นภสร ภายใต้รอยยิ้ม แอบซ่อนร่องรอยของประสบการณ์ ความรักกับบทเพลง “คนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม”

ไม่ใช่เพียงเสียงที่ก้องกังวาลและทรงพลังของ บีน นภสร ชัยพรเรืองเดช ที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักจากเวทีประกวด หากแต่บุคลิกที่ดูคล่องแคล่ว ความร่าเริงสดใส กับบทเพลงที่เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกยังทำให้เธอเข้าไปนั่งอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน

ครั้งนี้ บีน พาเราไปรู้จักอีกเรื่องราวของเธอผ่านมุมมองใหม่ ๆ ด้วยบทเพลงจากประสบการณ์ชีวิต จากความนึกคิดไปจนถึงความรัก กับความรู้สึกของคนที่ไม่ใช่ ซึ่งจะ “พยายาม” แค่ไหน ก็ไม่อาจแทนที่ “คนที่ใช่” ได้ ในบทเพลง “คนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม”

ความฝันวัยเด็กของ ด.ญ. บีน?
ความฝันในวัยเด็กของบีน จริง ๆ ไม่ได้เริ่มจากการเป็นนักร้องค่ะ จริง ๆ ตอนอนุบาลบีนอยากจะเป็นครูด้วยซ้ำ อยากเป็นแอร์โฮสเตจอะไรอย่างนั้นแต่เหมือนที่บ้านบีนเป็นร้านอาหาร แล้วพ่อกับแม่จะเปิดคาราโอเกะมีคนมาร้องเพลง บีนก็เลยได้รับการหล่อหลอมในเรื่องของดนตรีเข้ามา ตอนนั้นเลยทำให้บีนรู้สึกว่าเราก็อยากร้องเพลง ก็เลยเริ่มที่จะไปร้องเพลง พอร้องเพลงก็เลยรู้สึกหลงใหลไปกับมัน ก็เลยชอบที่จะเล่นดนตรี อยากจะร้องเพลง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากจะอยู่กับมันไปตลอด

บีน เส้นทางเวทีประกวดร้องเพลง ?
สมัยมัธยมบีนเด็กค่อนข้างจะขี้อายค่ะ จะไม่ค่อยกล้าขึ้นเวทีประกวดอะไร ก่อนที่จะเริ่มไปประกวดในเวทีต่าง ๆ บีนจะมีเพื่อนคนนึง ซึ่งชอบร้องเพลงเหมือนกัน เขาจะเป็นคนชอบเวที จะคอยออกงานโรงเรียนให้ บีนก็เลยไปชวนเพื่อนคนนี้มาบอกว่ามันมีรายการ The Voice เปิด สนใจไปด้วยกันมั้ย เลยชวนกันไปเป็นคู่เพราะเราขี้อายไม่กล้าไปร้องเพลงคนเดียว ตอนนั้นก็เลยไปด้วยกัน แล้วก็ติดผ่านเข้ารอบเข้าไป

The Voice ถือเป็นเวทีประกวดเวทีแรกสำหรับบีน ?
จริง ๆ ก่อนหน้านั้นบีนเคยทำ Cover กับรุ่นพี่ที่ธรรมศาสตร์เป็นFolk Song เราก็ทำ Coverลง Youtube จนมันมีการประกวดรายการของ Cornetto พวกเราก็ไปประกวด เป็นเวทีที่ถ้าใครชนะจะได้เล่นกับศิลปินรุ่นใหญ่ ซึ่งมีกลุ่มพี่ ๆ Scrubb, 25 Hours แล้วก็ Armchairซึ่งผลการประกวดคือเราได้เป็นอีก 3วงที่ติดเข้าไปร่วมเล่นดนตรีกับพี่ ๆ ศิลปิน แล้วก็ได้ขึ้นเล่นบนเวทีใหญ่ ตอนนั้นก็ถือเป็นเวทีแรก ๆ เลยที่เราภูมิใจมาก เพราะว่าได้ร้องเพลงกับพี่โย่ง Armchair แล้วก็ได้จับมือด้วย ตอนนั้นเลยทำรู้สึกเขิน ๆ

ผ่านเวทีประกวดที่อาจจะต้องพบเจอกับเพลงและดนตรีหลากหลายแนว แต่จริง ๆ แล้วบีนเป็นคนชอบดนตรีสไตล์ไหน ?
ถ้าถามโดยส่วนตัวเลย ให้ระบุบีนจะชอบแนว Soul แนว R&B หรือพวกเพลงป็อป เพราะจริง ๆ บีนเป็นคนชอบดนตรีของคนผิวสีหนะค่ะ ชอบในความ “หนึบ” ในความ “โยกได้” ของดนตรีแนวนี้ แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนที่ฟังดนตรีได้ทุกแนว Acoustic Folk Song ไปจนถึง EDM ก็ฟังได้ค่ะ แต่เราจะไม่ได้หลงใหลกับมันมากเท่ากับเวลาฟังเพลง Soul หรือว่าเพลง R&B

นอกจากด้านดนตรีแล้วบีน มีความสนใจในเรื่องอะไรบ้าง ?
ภาพยนตร์ค่ะ แล้วก็ศิลปะ จริง ๆ แล้วบีนให้ความสนใจกับหลาย ๆ อย่างนะแต่ถ้าให้พูดตอนนี้ยังนึกไม่ออก

ในด้านการเรียน บีนเลือกเรียนมนุษย์ศาสตร์ ปรัชญา-ศาสนา อะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนสาขานี้?
สำหรับบีน บีนรู้สึกว่าปรัชญามันเกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา เป็นเรื่องราวที่เราได้อยู่กับมันตลอด ในทุกวินาทีของชีวิต มันจะมีความเป็นปรัชญาแฝงเข้าไป แล้วเรารู้สึกว่ามันสามารถประยุกต์เชื่อมโยงกับดนตรีซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบได้ด้วย ก็เลยเลือกที่จะเรียนคณะนี้

ความรู้ “ปรัชญา” มีส่วนช่วยสร้างความคิดด้านดนตรียังไงบ้าง?
ปรัชญากับดนตรีเชื่อมโยงกันได้หลายเรื่องเลยค่ะ ปรัชญาเป็นเรื่องของเหตุผล เรื่องของความเข้าใจ เช่น การทำความเข้าใจเรื่องราวของความรัก หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เรานำมาพูดถึงในเพลง

ถ้าให้บีนพูดถึงความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง “ดนตรี” กับ “ปรัชญา” บีนมองว่ามีความเหมือนหรือต่างกันยังไง?
ความเหมือนกันของปรัชญาแล้วก็ดนตรี คงเหมือนกันในด้านเรื่องราวของชีวิตค่ะ อย่างปรัชญาจะเกี่ยวข้องกับชีวิต ความจริง ผู้คนที่อยู่ในโลกใบนี้ ในขณะที่เรื่องของดนตรีก็จะเป็นเรื่องราวในโลกเหมือนกัน เป็นเรื่องราวชีวิตของพวกเขา ความรัก บทเพลงต่าง ๆ ที่มีขึ้นก็จะคอยสะท้อนภาพเรื่องราวเหล่านั้นออกมา เช่น เพลงเพื่อชีวิต ก็จะพูดถึงชีวิตโดยตรงเลย เพลงที่สะท้อนความรู้สึกต่าง ๆ ออกมามันก็จะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปรัชญาอยู่ ส่วนด้านความแตกต่าง มันแตกต่างกันในเรื่องของความชัดเจนด้านเหตุผล อย่างดนตรีจะเป็นเรื่องที่ข้องเกี่ยวกับการสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกมากกว่า อาจจะไม่ได้อธิบายถึงความเป็นเหตุเป็นผลมากมายนัก ในขณะที่ถ้าเราเรียนรู้เรื่องปรัชญา เราก็จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องของเหตุผลซะส่วนใหญ่ เป็นเรื่องของการตั้งคำถาม และการหาคำตอบ ตอบคำถามและคำถามใหม่ เป็นกระบวนการโต้ตอบกับคำถามไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ดนตรีอาจจะไม่มีคำถามขนาดนั้น ไม่ต้องตั้งคำถามกับมัน เพราะมันเป็นเรื่องของความสุนทรีย์

ในฐานะคนเรียนปรัชญา ซึ่งเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับการนิยาม ถ้าจะต้องนิยามตัวเอง บีน จะนิยามตัวเองแบบไหน?
สำหรับบีน นภสร ในส่วนของการเป็น “ศิลปิน” บีนคิดว่าคงเป็นส่วนที่มีความเท่นิดนึง แต่ก็ไม่แซ่บเวอร์ ออกจะดูซอฟท์ ๆ หน่อย มีบางมุมที่เป็นคนคูล ๆ อยู่ในนั้น แต่ถ้ากลับกัน เป็นตัวบีน นภสร ที่เป็นบีนจริง ๆ บีนมองว่าบีนก็จะมีความติงต๊อง พูดไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เงียบ ๆ บ้าง บางทีก็ร่าเริง เหมือนเป็นไบโพล่าเลย (หัวเราะ)

“คนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม” แรงบันดาลใจและการทำเพลงนี้เกิดขึ้นยังไง?
มันเป็นเพลงที่มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ ของบีนอยู่ บีนไปพูดกับพี่ปอย (ตวัน ชวลิตธำรง) และพี่ยักษ์ (อนันต์ ดาบเพ็ชรธิกรณ์) ไปเล่าเรื่องราวให้เขาฟังว่า เราเคยพยายามมาก ๆ เลยให้กับคนคนหนึ่ง แล้วก็ทุ่มเททุกอย่าง ให้ความรักทุกอย่างไปกับเขาเลย แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เห็นเราอยู่ในสายตาขนาดนั้น แต่พอความรักของเราจบกันไป พอเขาไปมีคนอื่นแล้วเราได้หันไปมองเขาอีกครั้ง เรากลับรู้สึกว่า ทำไมอีกคนไม่ต้องพยายามให้เขาเลย แต่เขาก็ให้ความรักที่ตอบแทนกลับไปแบบนั้น สุดท้ายบีนเลยรู้สึกว่าเราเป็นคนที่ไม่ใช่ แล้วเราก็จะเข้าใจว่า “คนที่ใช่” มันไม่ต้องพยายามจริง ๆ

บีน เข้าไปมีส่วนร่วมอะไรกับการทำเพลงบ้าง?
สำหรับเพลงนี้บีนได้มีโอกาสไปอธิบายเรื่องราวความรักที่บีนอยากจะใส่ลงไปในเพลง ๆ นี้ ให้พี่ปอยกับพี่ยักฟัง ในส่วนของเมโลดี้ ก็มีพี่พล (คชภัค ผลธนโชติ) มาช่วยเกลี่ยให้ เรามาช่วยกันคิด ในส่วนการโปรดิวซ์ก็ได้พี่โซ่ (แมนลักษณ์ ทุมกานนท์)ตอนอัดดนตรี บีนก็เข้าไปมีส่วนร่วมในการฟังโซโล่ ฟังทุก ๆ อย่าง อยู่กับทุกขั้นตอนเลย

ถ้าให้มองชีวิตตัวเองบนเส้นทางดนตรี บีนต้องผ่านความพยายามมาหลายครั้ง ทุกวันนี้ยังต้องพยายามทำอะไรอีกบ้าง เพื่อพัฒนาตัวเอง?
จริง ๆ บีนว่าคนเราก็พยายามอยู่ตลอดเวลานะคะ พยายามชนะอะไรอย่างนึงที่เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ การตั้งเป้าไว้แล้วผ่านมันไปให้ได้มันเป็นการทำให้ชีวิตเรามีแรงขับเคลื่อนตลอดเวลา บีนมองว่าความพยายามมันอยู่กับเราตลอด เราแค่ต้องผ่านมันไปให้ได้ สำหรับบีนตอนนี้ก็อาจจะเป็นพ้อยท์เล็ก ๆ ก่อน แล้วก็ค่อย ๆ โตไปเรื่อย ๆ อย่างตอนนี้ก็คือทำอัลบั้มให้ได้ ก่อนที่จะก้าวไปจัดคอนเสิร์ตให้ได้ ไปจนเป้าใหญ่ ๆ ที่วางไว้ว่าบีนอยากจัดคอนเสิร์ตใหญ่เลย ที่มีคนมาดู กำหนดว่ามีคนเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เรากำลังพยายาม

มีอีกหลาย ๆ คนที่พยายามบนเส้นทางดนตรี แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ บีนอยากให้คำแนะนำอะไรกับคนที่ยังอยู่บนเส้นทาง?
สิ่งที่อยากแนะนำให้กับคนที่พยายามทำในเรื่องของดนตรีอยู่ ก็คือไม่อยากให้ยอมแพ้ค่ะ เพราะทุกคนก็พยายามมากันหมดกว่าจะได้ถึงจุดจุดนี้ บีนคิดว่าถ้าพยายามต่อไปเรื่อย ๆ มันต้องมีซักอย่างที่ทำให้เรารู้สึกดีกับดนตรีแน่นอน สำหรับบีนอย่างน้อยการเล่นดนตรีมันก็ทำให้รู้สึกดีแล้ว แค่เล่นได้ ร้องเพลงได้ มันก็ทำให้ชีวิตเรามีอะไรมากขึ้น เครียด ๆ อยู่ร้องเพลงก็ผ่อนคลาย

ฝากผลงงานให้กับคนที่ติดตามหน่อย?
ค่ะ ตอนนี้บีนก็มี Single ใหม่ ชื่อเพลงว่า “คนที่ใช่ไม่ต้องพยายาม” ก็ติดตามได้ใน Youtube Chanel ของ Boxx Music แล้วก็ในช่องทาง Steam ทุกช่องทาง แล้วก็ฝากติดตามใน Facebook ชื่อ Bean Napasorn ค่ะ แล้วก็ใน IG ชื่อว่า beannbeann ค่ะ

ติดตาม Bean ได้ที่
FB: Bean Napasorn, BOXX MUSIC
IG : beannbeann


Credits
Model : ‘Bean’ Napason
Photographer : Patarit Pinyopiphat
Stylist : Sutsiri Nimruang
Video : Songsit Kasiroek, Watcharapon Seangarunroj
MUA & Hair :  Pattarawut Choeichaiyaporn

Fashion Producer : Sunicha Suparat
Photographer’s Assistant : Sithipong Tiyawaraku

*Model wears
1.) Milk top : ruthlessstudi, Penne jeans : magarines, Earring : mosstories, Truffles suit brown : magarines
2.) Buttercup polo shirt : magarines, Pink lemonade blazer : magarines, Pants white : magarines
We can shop all stuff at @mosstoriesxfriends