สุขและเศร้าก่อนเข้าเส้นชัยของ ส้ม มารี : ในวันที่ “รางวัลปลอบใจ” กลายมาเป็นรางวัลตอบแทนความสำเร็จ

บางครั้งการไม่ได้เหรียญทอง ณ เส้นชัย มันไม่ได้แปลว่าเราไม่พยายาม.. เช่นเดียวกับ ส้ม’ มารี เออเจนี เลอเลย์ ที่ใช้เวลาเดินทางกว่า 10 ปีบนเส้นทางสายดนตรีที่มีทั้งร้ายและดีปะปนกันไป หลังจากที่ส้มผันตัวไปคลุกคลีอยู่บนโลกออนไลน์อยู่พักใหญ่ คราวนี้เธอกลับมาในฐานะนักร้องเสียงใส พกความมั่นใจมาบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้ซิงเกิ้ลใหม่ไม่ใช่เพียง รางวัลปลอบใจ แต่เป็นเครื่องหมายของความพยายามที่ผ่านมา

กลับมาร่วมงานกับค่ายเพลงอีกครั้ง ปรับตัวเยอะไหม ?
ไม่ได้เยอะมากค่ะ การทำงานที่ Spicydisc เป็นการทำงานที่ค่อนข้างเปิด แล้วก็อิสระมาก ๆ การทำงานกับที่นี่ก็เลยจะใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปได้เต็มที่ ทุกคนก็พร้อมจะรับฟังเรา

 

ถ้าเทียบกับตอนที่ส้มเคยทำเพลงเอง ?
ที่นี่ง่ายกว่าเยอะมากค่ะ เพราะว่าเรามีทีมงานคุณภาพอยู่ข้างหลัง (ผายมือ) ตอนที่ส้มทำเพลงเอง อาร์ตเวิร์คก็ทำเอง อะไรก็ทำเอง ซีดียังไรท์เองเลย (หัวเราะ) แต่พอเรามีค่าย เขามีมืออาชีพมาคอยซัพพอร์ตเราอยู่แล้ว เราไม่ต้องเหนื่อยกายขนาดนั้น ถ้าจะให้เราตัดซีดีไปด้วย คิดไปด้วย มันก็เหนื่อยเหมือนกัน

 

ซิงเกิ้ลใหม่“รางวัลปลอบใจ”เป็นมายังไง เล่าให้ฟังหน่อย ?
เป็นเพลงช้าฟังสบายๆ ที่มีกลิ่นอายของยุค 90s เรโทรหน่อย ๆ มันเริ่มต้นมาจากพี่คนนึงค่ะ เรารู้จักกันผ่านทางแฟนเพจของส้ม คือพี่เอ็กซ์ เขาเคยแต่งเพลงแล้วส่งมาให้ส้ม คุยกันไปกันมาเลยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว จนวันหนึ่งเขาก็แต่งเพลงนี้ให้เรา ครั้งแรกที่ฟังเราก็แบบ เห้ย เพลงนี้ดี เพลงมันดูมีอะไร มันจับต้องง่าย เลยขอเอามาทำ แล้วก็ได้โปรดิวเซอร์เป็นพี่ก้อ (ณฐพล ศรีจอมขวัญ) มาทำต่อ ระหว่างทำก็มีติดปัญหาเรื่องของเนื้อเพลงบ้าง จนสุดท้ายมาลงตัวได้พี่โต้ วง Nap A Lean มาเปลี่ยนเมโลดี้ให้ใหม่ แล้วก็แต่งท่อนฮุคให้ใหม่

Lazyloxy มาร่วมฟีทเจอริ่งด้วย ?
ตอนที่ดนตรีทุกอย่างมันเสร็จหมดแล้ว ส้มรู้สึกว่าเพลงนี้มันป๊อปปปป ป็อป! มากเลย คือปกติส้มทำเพลงป็อป มันยังมีกลิ่นความเท่ ๆ เข้ามาหน่อย ก็คิดว่าเราควรจะมีอะไรแก้เลี่ยนดีไหม เลยชวน ‘ท็อป’ Lazyloxy มาฟีทเจอริ่งด้วยกัน ตอนนั้นมันก็ตื่นเต้นเหมือนกันว่า เอ๊ะ เขาจะตอบรับไหม หรือเขาจะไม่ถนัด จนสุดท้ายเขาก็ตอบรับมาเลยออกมาสมบูรณ์แบบตามที่ทุกคนได้ยินกัน

 

ทำงานกับ Lazyloxy โดยที่ไม่เจอหน้ากันเลย?
ต้องขอบคุณยุคนี้ที่มีเทคโนโลยี ถ้าว่ากันตามตรง ท็อป Lazyloxy ก็คือท็อปสมชื่อ งานเขายุ่งมาก ๆ วิธีการทำงานก็คือ เราทำงานกันผ่านไลน์กลุ่ม เพลงเสร็จก็ส่งให้ฟัง แล้วก็คุยกันว่าเราจะให้ท่อนแร็ปมันเป็นไปในทางเดียวกัน หรือว่าท่อนแรปควรจะเป็นคนตรงข้ามที่ควรจะตอบกลับมา อะไรประมาณนี้ เราเจอกันครั้งแรกด้วยความบังเอิญที่งานแบบประกาศรางวัล JOOX Thailand Music Awards บังเอิญได้นั่งข้างกันเลยมีโอกาสได้คุยกันนิดหน่อยว่า พี่ ผมแต่งเนื้อไปเป็นยังไงบ้าง แล้วหลังจากนั้นก็มาเจอกันวันฟิตติ้ง แล้วก็วันถ่ายเอ็มวีเลย

 

ทำงานยากไหม ?
ไม่ยากเลยค่ะ มันก็สามารถปรับตัวกันไปได้ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ให้มันลงตัวที่สุด เพราะถ้าเราต้องมารอให้ได้เจอกัน แล้วค่อยมาทำงานด้วยกันในสตู ปีหน้าก็อาจจะไม่มีเพลงนี้ทุกคนก็ยุ่งเหมือนกันหมด การทำงานแบบนี้ก็สะดวกดีค่ะ

ทำไมต้องเป็นรางวัลปลอบใจ ?
เนื้อหาของเพลง พูดถึงใครซักคนที่เขาจากเราไปแล้ว แต่เขายังกลับมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง สบายดีรึเปล่า อยู่ได้ใช่ไหม ด้วยความแบบเป็นห่วงจริงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการ เราไม่ได้ต้องการรางวัลปลอบใจ คือถ้าคุณจะไปนะ ไปเลย ปล่อยฉันไป คือเหมือนเดินกันคนละทางไปเลย ไม่ต้องเอาความเป็นห่วงใยมารั้งกันไว้ ..ประมาณนั้น

 

แล้วรางวัลปลอบใจสำหรับตัวส้มเอง คืออะไร ?
คำว่า รางวัลปลอบใจ เราจะนึกถึงการแข่งแต่งกลอนหรือวาดภาพ มันเป็นเหมือนรางวัลที่บอกว่า เรายังทำได้ไม่ดีพอ ไม่ได้ทั้งที่ 1 2 3 คือรางวัลชมเชยมันอาจจะดีกว่าปลอบใจด้วยซ้ำ ปลอบใจมันเหมือนขอบคุณที่เข้าร่วมกิจกรรมนะคะ มันเป็นสิ่งหนึ่งที่บอกว่า เออ เรายังทำได้ไม่ดีพอ

 

ลุคส้มใน MV ดูโตขึ้นกว่าแต่ก่อน ?
เป็นความตั้งใจของเราและทางค่าย เพราะเราก็ไม่ใช่อายุน้อยแล้ว 27 แล้ว ใช้คำว่าเป็นสาวขึ้น ให้มันมีกลิ่นความเป็นผู้หญิงในตัว เพราะปกติส้มอาจจะดูแมนหน่อย แต่จริง ๆ เราก็มีมุมผู้หญิงนะ เลยอยากเอาด้านนั้นออกมาโชว์บ้าง

 

MV พลิกล็อคมาก ได้ไอเดียมาจากไหน ?
มาจากผู้กำกับเลยค่ะ เฟ่ยเฟ่ย (พิสิณี ขาวสมัย) ที่เคยทำเพลง ธารารัตน์ เราคุยกันว่าจุดประสงค์ของการทำแบบนี้ เพื่อทำให้เพลงถูกพูดถึงอยู่และไม่เลือนหายไป ถ้าเป็นเพลงเศร้ามาก ๆ แล้วเอ็มวีก็เศร้ามาก ๆ มันก็จะถูกกลืนไปในตลาดทั่วไป ณ ตอนนั้นที่คุยกับเฟ่ยแล้วส้มเหวอเหมือนทุกคนที่ดูเอ็มวีเลย จบแล้วร้อง ห๊ะ! ดังมาก ซึ่งเราก็รู้สึกว่า ถ้าเรา ห๊ะ! คนดูก็ต้อง ห๊ะ! บ้างล่ะวะ

กระแสตอบรับถือว่าดีมาก ?
คือมันดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลยค่ะ(ยิ้มกว้าง) เป็นการกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ เมื่อก่อนเวลาปล่อยเพลงแล้วสื่อถาม เป็นยังไงบ้างคะฟีดแบ็ค มันจะมีความตะมุตะมิว่าพูดยังไงดีน้า (หัวเราะ) แต่อันนี้เป็นสิ่งที่เราพูดได้ด้วยความภาคภูมิใจเลยว่าฟีดแบ็คมันดี เห็นได้ชัดจากยอดวิวที่ขึ้น คอมเม้นท์ที่ทุกคนมีเรื่องให้พูด ทุกคนมีเรื่องให้ออกความเห็น เช่น นางร้ายมีปืนลูกซอง พกมาได้ยังไงใหญ่ขนาดนั้น คือคนดูแล้วตีความ แปลว่าเอ็มวีเราทำงานจริง ๆ

 

เป็นการแสดงครั้งแรกของท็อป Lazyloxy ?
อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ตั้งใจเหมือนกัน เพราะในตลาดเพลง ถ้าคิดจะฟีทเจอริ่งก็ต้องนึกถึง Lazyloxy เราก็รู้สึกว่าทำยังไงที่จะต่างจากคนอื่น ๆ งั้นก็เอาท็อปมาเล่นเลยดีกว่า ทำให้คนดูเห็นมุมอื่น ๆ ของท็อป ซึ่งท็อปก็ทำออกมาได้ดีมาก มีหลายคอมเม้นท์บอกเหมือนกันว่า ปีหน้าต้องเห็นท็อปเล่นละครแน่นอน

 

ถามเรื่องไลฟ์สไตล์กันบ้าง เกี่ยวกับช่อง Youtube ของส้ม ?
มันเริ่มตั้งแต่ช่วงที่เราอยู่ที่ค่ายเดิมที่ส้มอยู่เขาไม่ได้เน้นเรื่องเพลงซักเท่าไหร่ อาจจะเน้นเรื่องละคร การแสดงอื่น ๆ แต่เรายังรักการร้องเพลง แต่เราไม่มีพื้นที่ อยู่ดี ๆ เราจะไปขึ้นเวทีเองก็ไม่ได้ มันจะมีทางไหนบ้างที่จะทำให้เรายังร้องเพลงได้อยู่ ช่วงนั้นส้มฝึกเล่นกีต้าร์เองด้วย ก็เลยตั้งกล้องร้องเพลง ลงไปขำ ๆ ทำไปทำมา คนชอบค่ะ ก็เริ่มสนุกแล้ว พอคนรีเควสขอเพลงนั้นเพลงนี้ หรือเราชอบเพลงไหน เราก็อัดคลิปลง

 

หลังๆ ไม่ค่อยได้ coverเพลงแล้ว?
ทำมาได้ประมาณ 2 ปีก็ถึงจุดอิ่มตัว จากที่เราอยากร้อง กลายเป็นต้องบังคับตัวเอง ฝืนตัวเอง
อีกอย่างเราอยากโฟกัสกับเพลงตัวเองมากกว่าเดิม อยากให้คนเชื่อว่า เห้ย เราก็เป็นศิลปินนะ ไม่ใช่นักร้องโคฟเวอร์ อย่างเดียว เราก็เลยหักดิบ ไม่โคฟเวอร์แล้ว เปลี่ยนช่องไปทำไลฟ์สไตล์อื่น ๆ ตอนแรกมันก็ยากมาก จากแต่ก่อน cover คนดูเป็นแสน แต่พอลงคลิปคนดู 2,000 กว่าคน มันไม่มีคนดูเลย เพราะคนตามเราที่เราร้องเพลง

มีท้อบ้างไหม?
ช่วงแรกเหนื่อยมาก ท้อจนมีหลายช่วงที่รู้สึกว่า หรือจะไม่ทำไปเลยดีกว่า แต่ก็รู้สึกว่าไม่เป็นไร เพราะส้มคิดว่า Youtube มันเป็นช่องทางที่ทำให้คนดูได้ใกล้ชิดกับเรามากขึ้น มันทำให้คนรู้สึกว่าเราเข้าถึงง่ายและอยากรู้จักเรา เราก็ทำต่อไปเรื่อย ๆ จนเริ่มมีคนที่รักในคาแรคเตอร์เราจริง ๆ เข้ามาจนมาเป็นอย่างที่เห็นค่ะ

 

บทบาทนักร้องกับ Youtuber แตกต่างกันไหม สำหรับส้ม ?
มันต่างกันนะ มันคือการเป็นตัวเองในทั้งสองอัน แต่ว่ามันแสดงออกกันคนละรูปแบบ อย่างนักร้องมันคือสิ่งที่ส้มรักมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยคิดจะทิ้งมันเลย ถึงแม้ว่าเราจะอกหักมาบ่อยขนาดไหน ก็ยังรักมันอยู่

การจะเกิดและดำรงชีพได้ด้วยการร้องเพลงอย่างเดียวมันไม่ใช่เรื่องง่ายต้องมีหลายอย่างประกอบกันไป การทำ Youtube จึงเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยเติมเต็มพอให้เราร้องเพลงได้โดยที่ไม่ต้องเครียดและไม่ต้องกดดันเกินไป และส้มขอให้ยังได้ร้องเพลงอยู่ ส้มก็มีความสุขแล้ว

 

แสดงว่าที่ผ่านมา ส้มก็เคยมีช่วงเวลาที่เครียดเหมือนกัน ?
เครียดมากค่ะ ก่อนหน้านี้มีบางช่วงที่ส้มเคยมีเงินแค่ 500 บาทในบัญชีแต่เราต้องผ่อนบ้าน มีอย่างนั้นจริง ๆ ทุกวันนี้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ก็ต้องขอบคุณที่ตัวเองยังอดทนทำในสิ่งที่รักทั้งเรื่องร้องเพลง และการทำช่องใน Youtube พูดแล้วก็ซึ้ง….

คลิป Unbox ที่กำลังเป็นกระแส ไอเดียมาจากไหน?
มาจากน้องฝึกงานเลย บอกว่า พี่คะ ร้านนี้เขาขายยกกล่อง ไปลองซื้อมาไหม ก็เลยลองถ่ายมา ด้วยความหวั่นใจว่าคนจะดูไหม เปิดกล่องอะไรก็ไม่รู้ ก่อนลงไหว้พระสวดมนต์ก่อนเลย(พนมมือ) ขอให้อย่างน้อยซักแสนวิวเถอะค่ะ กลายเป็นติด Trending อันดับสองเฉย

 

รู้สึกยังไงตอนนั้น?
งงเลยค่ะ คือมันไม่มีใครทำ เราก็ไม่รู้ว่าด้วยความที่ไม่มีใครทำ มันแปลว่าเพราะไม่มีคนดูรึเปล่า แต่สรุปคือกลายเป็นดีมาก กลายเป็นซีรีส์ใหม่ขึ้นมา จากเดิมมีซีรีส์ครัวอิชั้นอยู่แล้ว ก็เลยกลายเป็นมิตรรักนักสุ่ม

 

อาจจะเพราะถูกที่ถูกเวลา?
ใช่ค่ะ ชีวิตคนเรามันก็ประหลาดเหมือนกัน คิดว่าอันนี้ได้แน่คนต้องอยากดู แต่พอลงแล้ว ไม่มีคนดูก็มีค่ะ

 

เห็นส้มทำมาหลายอย่างแล้ว ทั้งนักแสดง พิธีกร ดีเจ นักร้องYoutuberจริง ๆ แล้วชอบทำอะไรที่สุด?
อืม.. ส้มมาทำแทบทุกอย่างแล้วเนอะ แต่ว่าพอเราลองทำหลาย ๆ หน้าที่ มันก็ตกตะกอนได้ว่า เราชอบอันนี้ ไม่ชอบอันนี้  ถามว่าชอบอะไร ถ้าตัด Youtube ออกไปนะ การร้องเพลงและการเป็นนักแสดงเป็นสองอย่างที่เราชอบที่สุดค่ะ

 

ทำงานหลายอย่าง มีเวลาพักผ่อนไหม?
อืม.. มันเรียกว่าหาเวลาไหม เพื่อนเราเคยพูดว่า มันไม่ใช่เรื่องของการมีหรือไม่มีเวลานะ แต่เป็นการหาเวลาเพื่อมัน บางคนจะออกกำลังกาย แต่บอกว่าไม่มีเวลา จริง ๆ ออกกำลังกายเที่ยงคืนก็ทำได้ ถ้าตั้งใจว่าทุกคืนวันศุกร์ฉันจะออกกำลังกายครึ่งชั่วโมง เปิดแอโรบิกเต้น มันก็ทำได้ ถ้าเราหาเวลาให้มัน ยิ่งช่วงหลังที่ทำงานเยอะ ส้มจะพยายามหาเวลาว่างนั่งโง่ ๆ บ้างซักวันหนึ่ง ให้สมองไม่ต้องคิด เพราะว่าส้มเคยถึงจุดที่มันไม่ไหว ไม่ใช่ร่างกายเหนื่อยนะ มันคือใจเราที่ไม่ไหว กลายเป็นว่าอะไรสะกิดนิดหน่อย คือร้องไห้ได้เลย เอาจริง ๆ นะ การเป็น Youtuber มันคิดตลอดเวลา มันไม่มีเวลาเลิกงาน เวลาเดียวที่ไม่ได้คิดคือเวลานอน มันเลยอาจจะเป็นเหตุผลที่เราชอบนอนตื่นสาย เพราะเราไม่ต้องคิดอะไร

 

สุดท้ายแล้ว ฝากผลงานในอนาคตหน่อย?
ก็มีเพลง รางวัลปลอบใจ ที่ปล่อยออกมาแล้ว อนาคตก็เตรียมทำซิงเกิ้ลใหม่ค่ะ ส่วนช่อง Youtube : Zommarie ก็จะมีคลิปลงอยู่เรื่อย ๆ เลย

ติดตาม ส้ม มารี ได้ที่
IG: zommarie
FB: Zom Marie , SPICYDISC


Credits
Text : Nitsanart Nilthongkum
Photographer : Patarit Pinyopiphat