สองล้อที่เคลื่อนไปบนถนนดนตรีของ “แด็กซ์” Rock Rider ผ่านเรื่องราวทั้งความสำเร็จ ล้มเหลว ผิดหวัง ความสุขและความเศร้าอย่างที่ยากจะอธิบายได้ในชีวิตของศิลปินที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง จนบางครั้ง “ความฝันทางดนตรี” ก็หลุดหายไปจากความคิดของเขา
“อย่าปล่อยมือฉันได้มั้ย?” Single ใหม่ที่เปิดตัวไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวของความรักในบทเพลงเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วยังเป็นเพลงที่แสดงความขอบคุณ ถึงแฟนเพลงมากมายที่คอยสนับสนุนและดึงมือของเขาให้ผ่านคืนและวัน กลับมายืนอยู่บนเส้นทางดนตรีได้อีกครั้ง…
ที่มาของ Rock Rider มาจากไหน?
DAX : จริง ๆ แล้ว ที่มา ชื่อของคำว่า Rock Rider มันไม่ใช่ตัวผมคนเดียวหรอก ตอนแรกเริ่มจะเป็นผม เป็นพี่หรั่ง Silly Fools เรารวมตัวกันทำรายการทีวี เป็นรายการทีวีที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของมอเตอร์ไซค์ แล้วพอเวลาผ่านไปมันก็ถูกขยายด้วยการเดินทางที่เยอะขึ้น เจอผู้คนมากขึ้น สุดท้ายก็มีดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องในการเดินทางในแต่ละครั้งด้วย พอมีดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง แฟนเพลงก็เริ่มเจอผมกับพวกพี่ ๆ มากขึ้น ก็จะมีคนคอยเข้ามาถามว่า แล้วทำไมไม่ทำเพลง ไม่ทำดนตรีใหม่ขึ้นมา ซึ่งจากตรงนั้นก็น่าจะเป็นจุดแรกเริ่มเลยที่เราเริ่มรวมตัวกัน ก็จะแยกเป็น Silly Fools ผม แล้วก็น้อง ๆ ในวงการหลายคน แล้วแต่ว่าใครจะว่างก็จะมาจอยกัน คือตอนแรกก็จะเป็นการรวมตัวกันเล่นคอนเสิร์ตเฉย ๆ แล้วรายได้ส่วนหนึ่งเราก็เอาไปใช้ในการซื้อรองเท้า ซื้อข้าวของให้เด็ก ๆ เวลาเราไปต่างจังหวัดกัน
ก็เลยใช้ Rock Rider มาตลอด?
DAX : ใช่ครับ คือมันเป็นชื่อกลุ่มที่เราอยู่ด้วยกันทำอะไรด้วยกันในตอนนั้นมากกว่า แต่การที่ผมเอามันมาพ่วงท้ายนามสกุล Rock Rider ต่อจากคำว่าแด็กซ์ เพราะผมคิดว่า ผมไม่อยากจะทิ้งชื่อนั้น มันเหมือนหลักกิโลเมตรชีวิตที่ผมเดินทางมาถึง โอเคสมัยก่อนผมอาจจะมีนามสกุล Big Ass ตามหลัง แต่ว่าตอนนี้ผมเดินทางเลยจุดนั้นมาแล้ว เลยหลักกิโลเมตรนั้นมาแล้ว มันก็เลยเป็นความทรงจำว่า Rock Rider คือการเดินทางของเราตั้งแต่นี้ต่อไป
เริ่มกลับมาทำเพลงจริงจังอีกครั้งได้ยังไง?
DAX : คือพอเราไปเล่นคอนเสิร์ตบ่อยครั้งเข้า ก็จะถูกถามว่า “ทำไมไม่มีเพลงใหม่” พอคนถามมาก ๆ เข้าผมก็ไม่รู้จะไปตอบเขายังไง พวกเราก็เลยลองดู ทำกันเอง ตอนนั้นไม่มีค่ายหรืออะไรเลย เป็นอินดี้มาก ๆ อยู่กันเอง ทำทุกอย่างกันเอง แต่ว่าเราก็มีทีมโปรดักชันอยู่ในมืออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทีมภาพ มีห้องอัดอุปกรณ์ดนตรีที่ครบ ก็เลยเกิดเป็นเพลง “คนตายที่ยังหายใจ” ส่วนทาง Silly Fools เขาก็จะมีเพลง Standing Tall ของเขา
“การที่ผมเอามันมาพ่วงท้ายนามสกุล Rock Rider ต่อจากคำว่าแด็กซ์ เพราะผมคิดว่า ผมไม่อยากจะทิ้งชื่อนั้น มันเหมือนหลักกิโลเมตรชีวิตที่ผมเดินทางมาถึง”
ได้ร่วมงานกับ Silly Fools Airborne แล้วก็ศิลปินหลายกลุ่มตั้งเป้าหมายกันไว้ว่ายังไงตอนทำงานด้วยกัน?
DAX : เป้าหมายการทำงานตอนแรกของเราคือเราได้ร่วมกันทำอะไรใหม่ ๆ มันก็แปลกนะครับที่อยู่ ๆ พี่หรั่งกับพี่ต้น Silly Fools ก็เดินมาหา แล้วก็บอกผมว่า “เห้ย เดี๋ยวกูทำเพลงให้… มึงร้องให้ดีละกัน” เขาพูดง่าย ๆ แค่นั้น ผมก็ตอบไปว่า “เอาสิ” แล้วหลังจากนั้น 2-3 อาทิตย์เราก็เข้าห้องอัดกันเลย แล้วมันเป็นอะไรที่สนุกดีครับ คือโอเค ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเฮฮาด้วยกันมาตลอด แต่พอมาทำงานด้วยกันทุกคนก็ยังอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น ผมยังตื่นเต้นเองเลยว่าเพลงออกมาเสร็จแล้วจะเป็นรูปร่างยังไง ซึ่งพอฟังครั้งแรกเราก็รู้สึกว่า มันโอเค ลงตัว สมบูรณ์แบบในตัวของมัน
การทำงานด้วยกันเป็นยังไงบ้าง?
DAX : ดีครับ เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อนอยู่แล้วด้วย เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว แต่ไม่เคยร่วมงานกัน สไตล์ของทุกคนก็จะต่างไป แต่พอทำงานด้วยกันจริง ๆ ทุกคนก็เก่งกันทั้งนั้น สกิลฝีมือแต่ละคนดีมาก แล้วทำงานกันค่อนข้างเร็ว จนบางทีเราก็ตกใจ ตอนแรกเราก็มีคิดว่ามันจะซีเรียสกว่านี้ แต่พอได้ทำจริง ๆ แล้วมันค่อนข้างจะสบาย ก็เลยมีความสุขในการทำด้วยกัน
คิดมั้ยว่าพอออกมาทำงานเอง มันจะประสบความสำเร็จขนาดนั้น?
DAX : ตอนคนตายที่ยังหายใจมันก็เกินคาดนะครับ ตอนนั้นไม่ได้คิดไว้ว่าจะมีคนฟังขนาดนั้น เราทำกันเพราะอยากทำอะไรใหม่ ๆ ร่วมกันมากกว่า เพราะว่าทุกอย่างทำเองหมดเลย เพียงแต่มาให้ Warner Musicพี่น้องที่รู้จักกันช่วยโปรโมทให้แค่นั้น ซึ่งความรู้สึกตอนนั้นมันก็ดีเหมือนจะมีความเป็นอินดี้ พวกเราก็เลยได้ลองย้อนกลับไปเหมือนยุคแรก ๆ ลองไม่ได้อยู่ค่าย ลองทำเอง ถ่ายเองทุกอย่าง ผมว่ามันได้ความสนุก แฮปปี้ทุกอย่าง ห้องอัดห้องซ้อมก็อยู่ที่บ้าน พี่หรั่งก็เริ่มจากวนคอร์ดมา แล้วก็เริ่มเรียบเรียง พอมีเมโลดี้เนื้อร้อง ก็คุยกันว่าเนื้อร้องควรควรจะเป็นยังไง พอคุยกันเสร็จก็เริ่มทำงานได้เลยครับ
อะไรที่ทำให้มาร่วมงานกับ Me Record ?
DAX : พอเพลงคนตายที่หายใจเสร็จมันก็เริ่มมีการเดินทางต่อ “คุณฟองเบียร์” เจ้าของค่าย Me Record ก็เริ่มมาสะกิดแล้ว จริง ๆ เบียร์มันมาถามตั้งนานแล้วหละ แต่ช่วงก่อนหน้านั้นพวกผมอารมณ์ Indy ครับ (หัวเราะ) ผมกับพี่หรั่ง เราก็เลยปฏิเสธก่อนเลย จนตอนหลังถึงได้กลับมาคุยกันใหม่ คือผมก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะได้กลับมาทำงาน เรารู้ว่าคุณฟองเบียร์เขาสนิทกับพี่ต้น Silly Fools อยู่แล้ว เขาก็เลยมาถามเราว่าเอาด้วยรึเปล่า ไปอยู่ด้วยกันมั้ย ซึ่งผมก็ยังไงก็ได้ คือใจผมไม่ได้ซีเรียสแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรที่จะต้องพิสูจน์เรื่องดนตรีอีก เพราะว่ามันผ่านหลาย ๆ เรื่องมาแล้ว แค่เราก็ดำเนินชีวิตต่อไป ถ้ามีโอกาสก็ลองดูก็ได้ มันก็คงไม่มีอะไรแปลกใหม่แล้วหละสำหรับผมในการอยู่ค่ายเพลง
ร่วมงานกับ Me Record สไตล์ของเพลงแตกต่างกับที่เคยทำมามั้ย ใครเข้ามาดูเรื่องการแต่งเพลงให้?
DAX : ก็นายห้างฟองเบียร์นี่หละครับ เบียร์เขาก็พูดว่าอยากให้ได้เพลงที่วางคอนเส็ปมาแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเรามาก ก็เลยมานั่งคุยกันว่าผมเป็นคนแบบนี้นะ ทัศนคติที่มีเป็นแบบนี้ คำบางคำบางแบบนี่จะไม่มีทางออกจากปากผมเลย จะไม่มีการฟูมฟาย ตัดพ้อ ด่าทอ คือออกแนวแมน ๆ ห้าว ๆ ใจนักเลงมากกว่า ไอ้แบบมือก่ายหน้าผากมองดาวอะไรแบบนี้จะไม่มี คุณฟองเบียร์เขาก็อยากได้อารมณ์แบบตอนผมอยู่กับ Big Ass อารมณ์เพลงที่คนเคยรู้จักแบบ คนไม่เอาถ่าน คนหลงทาง ซึงมันค่อนข้างสื่อสารกับคนง่าย ๆ ตรง ๆ ไม่ต้องไปปั้นแต่งอะไรมาก ก็เลยวางคอนเส็ปว่าควรจะเป็นแบบนั้นเหมือนเดิมดีกว่าให้ชัดเจนเลย
แด็กซ์มีส่วนร่วมในการทำงานตรงไหนบ้าง?
DAX : รวม ๆ แล้วจะเป็นการคุยคอนเสปกับเนื้อหามากกว่า ส่วนดนตรีก็คือจะเป็นทีมที่มาทำให้เรา เพราะเขาจะมองภาพเราแล้วก็ใส่ให้เลย แล้วเราก็นั่งฟังว่าโอเคมั้ย เทียบคีย์กัน มาดูเมโลดี้กันว่ามันเป็นยังไง
เปิดตัวออกมาแล้วกับ Single ใหม่ “อย่าปล่อยมือฉันได้ไหม” ที่มาของเพลงนี้เป็นยังไง?
DAX : ต้องเล่าก่อนว่า ก่อนที่จะมี เพลงอย่าปล่อยมือฉันได้ไหม เนี่ย มันจะมีเพลง “กลับตัวกลับใจ” มาก่อน ตอนแรกเราทำ 2 เพลงนี้ขึ้นมาพร้อม ๆ กัน แต่ยังไม่รู้ว่าจะวางอันไหนก่อนดี ตอนแรกเพลงอย่าปล่อยมือฉันได้ไหม เราคุยกับคุณเบียร์ไว้ว่าจะเป็นเพลงที่ลงก่อน แล้วมันมีเรื่องน่าสนุก คือตอนแรกคนที่เรียบเรียงเพลงนี้เป็น Silly Fools แต่พอทำจริง ๆ ออกมา นึกอะไรกันไม่รู้ก็อยากลองเปลี่ยน มันมีอะไรที่ทำให้เรานึกถึงคนทำเพลงกลับตัวกลับใจ มันรู้สึกสนุกตรงนี้แหละ คือ ตอนแรกที่คุณเบียร์กับผมบอกว่าเพลงนี้เป็นเพลงแรก พอดูไปดูมาแล้ว อารมณ์มันยังไม่ใช่ มันไม่ใช่เพลงของคนที่กลับมาเจอใครที่ไม่ได้เจอกันมานาน อยู่ ๆ คุณจะมาเล่าถึงความอ้างว้าง เดียวดายเลยมันคงไม่ใช่ ก็เลยตัดสินใจเอาเพลงกลับตัวกลับใจออกมาก่อน ซึ่งเพลงกลับตัวกลับใจเนื้อหามันจะพูดถึง ความในใจที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่เราพร้อมจะเริ่มใหม่ ซึ่งก็จะส่งต่ออารมณ์มาถึงเพลงนี้ เพื่อที่จะบอกว่า “รู้มั้ยว่าเวลาก่อนที่เราจะกลับมาได้ ชีวิตมันเป็นยังไง เคว้งคว้างแค่ไหน” แต่สุดท้ายก็มีแรงกระตุ้นให้เรากลับมาอีกครั้ง ซึ่งผมเองก็เป็นตัวแทนของคนที่มีความรู้สึกร่วมกับหลายคนนะ ที่เจอปัญหา ก็เลยเล่าสิ่งนี้ไว้
ได้ “แพท” (ณปภา-ตันตระกูล) มาเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอ ได้เป็นคนเลือกด้วยรึเปล่า?
DAX : ก็คุยกับคุณเบียร์ตลอด จริง ๆ เบียร์มันว่า พี่เอาคนนู้นคนนี้มาเล่นดีกว่า คืออยากจะเอาคู่พระคู่นางมา แต่ฟังไปฟังมาจริง ๆ ผมว่ามันไม่ได้เหมาะที่จะเป็นเรื่องเป็นราวแบบนั้นเท่าไหร่ มันกลายเป็นว่ามันจะไม่ได้ concentrate กับเพลง จะกลายเป็นเหมือนไปดูละครมากเกินไป ทำให้ย้อนนึกถึงตอนที่เอา แตงโม (นิดา พัชรวีรพงษ์) มาเล่นเพลงกลับตัวกลับใจก็คือ มันมีแค่เพลงกับคน ๆ นึงแค่นั้น แล้วเล่าเรื่องราวตัวเอง ส่วนเพลงนี้พอฟังครั้งแรกไม่ได้นึกถึงใครนอกจากแพทเลย ซึ่งตอนหลังผมก็ไม่รู้ว่าเค้าเลือกไปแล้วด้วยนะ ผมโทรไปบอกคุณเบียร์ว่า “เฮ้ย ทำไมกูฟัง แล้วกูนึกถึงแพทวะ” เขาก็บอกว่า “โอ้ยพี่…ทำไมคิดเหมือนกันเลย” เขาก็พึ่งติดต่อแล้วก็คอนเฟิร์มพอดี มันเหมือนอะไรดลใจ
เป็นเพราะเรื่องราวของแพทด้วยรึเปล่า?
DAX : ใช่ เพลงมันควรจะเป็นเรื่องราวจริง ๆ ของอะไรบางอย่างที่มันเกี่ยวโยงกันได้ครับ อย่างผมก็สามารถเล่าเรื่องนี้ได้ เพราะว่าเราก็เอาส่วนหนึ่งของความรู้สึกเรามาเล่าจริง ๆ คนที่เล่นก็ควรจะเป็นคนที่มีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันจริง ๆ หรืออาจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ได้ไง อย่างแพทก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นนางเอก เป็นนักแสดงแต่ว่ามีเรื่องที่ต้องฟันฝ่าเยอะมากเลย ตั้งแต่สมัยยังไม่มีครอบครัว พอมีครอบครัว ก็ต้องมีเรื่องที่ต้องฟันฝ่าเข้าไปอีก แต่สุดท้ายสิ่งหนึ่งที่เป็นกำลังใจให้ตัวแพทก็คือ ลูกที่พึ่งเกิดมา
ในตอนสุดท้ายของมิวสิควิดีโอเราได้เห็นน้ำตาของแด็กซ์ด้วย วันที่ถ่ายทำเกิดอะไรขึ้น?
DAX : พอดีผู้กำกับชื่อพี่ผึ้ง (สาลินี เขมจรัส) เขาเคยกำกับ MV เพลงฝุ่น แล้วก็เพลงหัวใจ ซึ่งเขาน่าจะรู้จุดว่าควรจะเล่นงานผมจุดไหน ก็เลยทำเซอร์ไพรส์ โดยการไปเชิญชวน แฟนคลับประมาณ 20 คน ซึ่งผมขอเรียกว่า “แฟนคลับเดนตาย” ต้องเรียกเดนตายเลย คือเรารู้จักกันมานาน เขาตามไปดูคอนเสิร์ตบ่อย หลายคนก็สนิทกัน ในช่วงที่ผมหันหลังให้กับการทำงานไป เขาก็ยังติดตามผมอยู่ ยังมาหาที่ที่ผมอยู่ เราก็เลย เห้ย จะมากันทำไม ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่มีงานให้เขาติดตามแล้ว ก็เลยมีความสัมพันธ์กันในระดับที่พิเศษ วันนั้นที่เราถ่าย MV ผมก็กำลังร้องเพลงเล่าเรื่องในมิวสิควิดีโออยู่ เขาพยายามให้เราอยู่กับเพลงนานมากให้ออกหน้าออกตาเลย พอถึงจุดนึงก็ “ปึ้ง” เลย ให้น้อง ๆ ออกมาร้อง เราก็รู้สึกว่าเออ พอหันไปเห็นภาพมันก็เป็นอย่างที่เห็นหละครับ ก็บอกไม่ถูกครับ มันก็มาของมันเอง
ผ่านเรื่องราวมาเยอะ เคยคิดว่าไม่อยากร้องเพลงอีกแล้วมั้ย?
DAX : ตอนที่หายไปเลย ก็ไม่เอาเลยนะครับ ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำไปทำไม คือเราไม่สนุก ตอนนั้นมันไม่สนุกแล้ว ร้องไปก็มีคนด่าเลย ไม่รู้ว่าทำไมเราต้องแบกรับอะไรนักหนา เหมือนคนเป็นแช้มป์อะครับ มันจะฟอร์มตก จะร่วงบ้าง หรืออะไรไม่ได้เลยหรอ ผมรู้สึกว่าผมไม่เห็นต้องแบกเรื่องพวกนี้เลย มันเป็นแค่การทำงาน มีความสุขก็ทำไป ไม่มีก็หยุดก่อน ผมก็คิดแบบนี้นะครับ
อะไรที่พาแด็กซ์กลับมาอยู่ ณ ตรงนี้?
DAX : อย่างแรกเลยคงเป็นคนรอบข้างครับ เริ่มตั้งแต่ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน แก๊งค์ Silly Fools แก๊งค์ Airborne แก๊งค์ Rock Rider คุณฟองเบียร์ แฟนเพลง
เพราะทุกคนที่พูดมายังอยากได้ยินเสียง แด็กซ์อยู่รึเปล่า?
DAX : จริง ๆ ผมก็ไม่รู้นะ ไม่รู้ทำไมถึงอยากได้ยิน เพราะแต่ก่อนผมก็โดนด่าเยอะ ตอนนั้นก็เลยไม่รู้จะร้องทำไม แต่เหมือนกับว่าถ้าเขาอยากได้ยินกันก็ลองดู ผมก็มองว่ามันไม่เสียหาย ผมคิดแค่นี้นะ ลองดูก็ไม่เป็นไร
ฝากเพลง “อย่าปล่อยมือฉันได้ไหม” กับแฟนเพลงหน่อย?
DAX : ตอนนี้ก็ทุกคนก็คงรู้หรือได้ยินไปแล้วนะครับ เริ่มตั้งแต่เพลง “กลับตัวกลับใจ” หรือเพลงใหม่ “อย่าปล่อยมือฉันได้ไหม” ผมก็เป็นคนนึงที่อาจจะได้มีโอกาส เล่าเรื่องราวของคนที่มีความรู้สึกใกล้เคียงกัน แล้วผมก็ชอบนะเวลาได้อ่านความเห็นของแต่ละคน เรื่องราวชีวิตที่ได้แชร์ร่วมกัน ก็รู้สึกยินดีนะครับ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจด้วย
อยากจะบอกอะไรกับแฟนเพลงมากมายที่ไม่เคยปล่อยมือแด็กซ์เลย ?
DAX : ก็ขอบคุณทุกคนที่ยังไม่ปล่อยมือกันนะครับ บางทีผมก็อาจจะดุบ้าง ว่าบ้าง คือทุกคนยังเป็นเด็กอยู่ ผมก็อาจจะว่าบ้างว่า ไม่ต้องมาดูผมทุกงานหรอก ไปทำงานก็ได้ เอาแค่ที่สะดวก คือผมเองก็ไม่อยากให้น้อง ๆ ทุกคนลำบาก แต่ก็ขอบคุณจริง ๆ ครับน้ำตาที่ผมมีในเอ็มวีนี่ของจริงนะ ผมไม่ได้ปั้น ยังไงก็ขอบคุณจริง ๆ
“ตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำไปทำไม คือเราไม่สนุก ตอนนั้นมันไม่สนุกแล้ว ร้องไปก็มีคนด่าเลย ไม่รู้ว่าทำไมเราต้องแบกรับอะไรนักหนา เหมือนคนเป็นแช้มป์อะครับ มันจะฟอร์มตก จะร่วงบ้าง หรืออะไรไม่ได้เลยหรอ”
ในวันที่เสียงเพลงของแด็กซ์ Rock Rider เกือบหยุดลงอย่างถาวร กำลังใจเล็กแต่มากมายของคนที่อยากฟังเสียงร้องของเขาอีกครั้ง ได้นำพาแด็กซ์กลับมาอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จอีกครั้งในวันนี้…
[embedyt] http://www.youtube.com/watch?v=3ysgcha8z4w[/embedyt]
ติดตาม DAX rockrider ได้ที่
Facebook : DAX rockrider หรือ ME RECORDS
Credits:
Text : Thima Maipang
Photographer : Sithipong Tiyawarakul