คุยกับ มิ้นต์ “Travelerspulse” ถึงคุณค่าในการท่องเที่ยว ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเริ่มการเดินทาง by Lomography Thailand


ในกระแสที่คนออกเดินทางไปเที่ยวกันเป็นว่าเล่น อาจด้วยโปรโมชั่นการเดินทางที่ดึงดูดใจ หรือผ่านการเห็นรีวิวจากสื่อต่างๆ  เรื่องเล่าที่ได้ฟังได้อ่านบางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกดีต่อสถานที่แห่งนั้นตั้งแต่ที่เรายังไม่ได้ไป และเราสามารถเพิ่มคุณค่าของความรู้สึกนั้นขึ้นไปอีกด้วยการไปสัมผัสด้วยตัวเราเอง

    วันนี้เรามีนัดกับ “มิ้นต์” เจ้าของเพจน้องใหม่ไฟแรง “Travelerspulse” ผู้ที่สามารถสร้างคุณค่าของการท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ก่อนที่จะออกเดินทาง แต่มานั่งคุยกันเฉยๆ อาจจะน่าเบื่อไป เราเลยขออาสาพามิ้นต์ขับรถไปถ่ายรูปเล่นไม่ไกลจากกรุงเทพอย่างจังหวัดชลบุรีและพูดคุยกันไปด้วย

แนะนำตัวหน่อยครับ

Travelerspulse : ชื่อ ณิศรา สิทธาธิการเวชช์ ค่ะ ชื่อเล่นว่า “มิ้นต์” อายุ 25 หมาดๆ 🙂 และตอนนี้ทำงานเป็น Content Marketing Executive ที่บริษัท BECi ภายใต้ช่อง 3 ค่ะ
Travelerspulse เกิดขึ้นมาได้อย่างไรครับ

Travelerspulse : ย้อนกลับไปตั้งแต่ เริ่มต้นสร้างเพจนี้ขึ้นมาเลยละกันนะคะ คือตอนแรกเราตั้งใจทำสเปซตรงนี้ให้เป็นเหมือนไดอารี่การเดินทางของเรา เอาไว้เก็บรูปที่มันเคยอยู่กระจัดกระจายในเฟซบุคส่วนตัวให้เป็นหลักแหล่ง ประมาณว่าอยากเปิดดูรูปจากทริปไหนก็หาได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปไล่หาตามอัลบัมที่มีรูปอยู่เป็นพันๆ รูป บวกกับช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 3-4 ปี เราเริ่มไปเที่ยวต่างประเทศเยอะขึ้น เที่ยวในประเทศก็เยอะ ทั้งทริปครอบครัว บินไปงาน เลยเสียดาย ถ้าปล่อยให้รูปมันอยู่แบบมั่วๆ เลยสร้างเพจเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว จนคนเริ่มมาติดตามเยอะขึ้น เราก็เลยตัดสินใจว่าเอาวะ ลองทำแบบจริงจังมากขึ้นดู ตอนนี้เลยเปลี่ยนไดเรคชั่นจากการทำเพจให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว กลายเป็นอัลบั้มรูปพร้อมเรื่องราว แชร์ให้คนอื่นๆ ได้อ่านกันด้วย โดยที่คอนเซปท์ของเราคือคนทำงาน “ออฟฟิศ” ที่ชอบออกเดินทางมากๆ ชีพจรลงเท้าตลอด ถ้ามีวันหยุดช่วงไหนจะรีบตะครุบไว้ แล้วจองตั๋วและที่พักทันที เลยกลายมาเป็นชื่อ Travelerspulse “ชีพจรนักเดินทาง” ค่ะ

 

เคยได้ยินมาว่าทำ Scrapbook ก่อนจะมาทำเพจ

Travelerspulse : เคยบ้าทำตอนไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น แต่พอกลับไทย เริ่มทำงานประจำก็ไม่มีเวลาได้ทำต่อ แต่เสน่ห์ของ มันก็คือการเก็บความทรงจำในรูปแบบที่เราได้ประดิดประดอยกับมัน เพจ Travelerspulse เลยเป็นเหมือนตัวแทนของ
Scrapbook การเดินทางของมิ้นต์ แต่เป็นเวอร์ชั่นออนไลน์

เราเรียกตัวเองว่าเป็น “นักท่องเที่ยว” ไหม ?

Travelerspulse : ขอเรียกตัวเองว่า “นักเดินทาง” ดีกว่า เป็นโดยสายเลือด เพราะเราไม่เคยหยุดนิ่งกับที่ เป็นคนค่อนข้างไฮเปอร์มากเลยแหละ แต่ในเชิงปฏิบัติ เป็นนักเดินทางพาร์ทไทม์ละกัน เพราะอาชีพหลักคือการคิดแพลนมาร์เก็ตติ้งอยู่ที่ออฟฟิศ ฮ่าๆ

 

เลือกหรือตัดสินใจว่าจะไปประเทศไหนจากอะไร

Travelerspulse : เราเปิดแผนที่โลกแล้วจิ้มเอาเลย! บวกกับดูว่าช่วงเวลาที่เราจะไปเหมาะกับการเที่ยวประเทศอะไรที่อยู่ในลิสท์มากที่สุด ก็เอาไปเสนอเพื่อนร่วมทริป ซึ่งขาประจำก็คือพ่อและน้องสาว แล้วแพลนทริปกันเลย

 

ใน 1 ปีคิดไหมว่าต้องเที่ยวมากน้อยเท่าไหร่

Travelerspulse : ความจริงแล้วก็ไม่ได้กำหนดขนาดนั้น แต่ที่เราหวังไว้คือ ทริปยาวๆ เกิน 10 วัน พยายามให้ได้ปีละครั้ง ส่วนทริปในประเทศหรือต่างประเทศที่ไม่ไกลมาก ก็พยายามหาวันหยุดไป แต่ไม่ได้กดดันตัวเองว่าต้องเที่ยวหนักๆ

มีที่ไหนที่อยากไปแล้วยังไม่ได้ไปไหม

Travelerspulse : “อินเดีย” เป็นประเทศที่อยากไปมานานมากๆ แต่ยังหาเพื่อนไปลุยด้วยไม่ได้ และพอจะแพลนไปคนเดียว เราก็แอบกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่ปีนี้หวังว่าจะได้ไปซะที!

 

ไปเที่ยวไหนบ่อยสุด แล้วประทับใจที่ไหนที่สุด

Travelerspulse : ถ้าไปบ่อยที่สุดในตอนนี้คือสิงคโปร์กับญี่ปุ่น แต่ที่ประทับใจที่สุดคือโอมาน

 

โอมาน?

Travelerspulse : เป็นประเทศที่เราไปด้วยความไม่คาดหวังอะไรเลย ปรากฏว่าไปถึงที่นั่น ทุกอย่างเกินความคาดหวังสุดๆ ทั้งเรื่องอาหาร (เป็นอาหารแขกที่อร่อยและกินได้ไม่เบื่อ) สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ที่ไปก็สวยจับใจมาก แล้วก็เรื่องคนที่ใจดีสุดๆ เฟรนด์ลี่กับเราเหมือนเป็นเพื่อนกันมานานมากๆ จบทริปด้วยความรู้สึกเศร้าเล็กๆ เพราะผูกพันกับไกด์แล้วก็คนที่นู่นมาก กลัวจะไม่ได้กลับไปเยี่ยมเขาอีก เหมือนมาเข้าค่ายและได้เพื่อนใหม่ที่สนิทกัน อารมณ์ประมาณนั้นเลย

 

แสดงว่าเกินคาดมาก แล้วมีที่ไหนผิดคาดบ้างไหม

Travelerspulse : เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่ก่อนเดินทางเราจะตั้งความคาดหวังเอาไว้กับประเทศนั้นๆ ยิ่งได้เห็นรีวิวที่บอกว่าสนุกๆ แต่พอไปเที่ยวด้วยตัวเอง เรากลับรู้สึกเฉยๆ หรือในทางตรงกันข้ามแบบทริปโอมานที่เพิ่งเล่าไปว่าไม่ได้คาดหวังอะไรเลย ปรากฏว่าออกมาสนุกเฉย! เกินความคาดหมาย ส่วนใหญ่แล้วความรู้สึกในแต่ละทริปมันก็มีปนๆ กันไปนะ เพราะเราย้ายเมืองและรสชาติในแต่ละเมืองมันก็แตกต่างกันออกไป แต่ที่จะทำให้เรารู้สึกผิดหวังเบาๆ ก็เรื่องรีแอคชั่นของคนในประเทศเจ้าบ้าน

แล้วมีประเทศที่ไม่อยากกลับไปอีกไหม
Travelerspulse : ตอนนี้ก็ยังไม่มีค่ะ 🙂 แต่ละที่แต่ละครั้งมันให้เรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป

มีข้อจำกัดในการเที่ยวบ้างไหม

Travelerspulse ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของเวลาเพราะว่าเราทำงานประจำ เป็นพนักงานออฟฟิศ จะให้ไปเที่ยวยาวเป็นเดือนคงเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเรานะ

 

จัดการกับมันอย่างไรบ้าง

Travelerspulse : “วางแผน” เราต้องรู้จักการจัดการตัวเอง มันสำคัญมาก หาช่วงเวลาที่มีวันหยุดยาวและพยายามแพลนทริปล่วงหน้าให้นานขึ้น จะได้มีเวลาจัดการตารางงาน รับผิดชอบตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะลาหยุด หลายคนอาจจะละเลยตรงนี้ไปเลยรู้สึกว่าไม่มีเวลา แล้วเราโชคดีด้วยที่ได้ทำงานกับเจ้านายที่เข้าใจมายด์เซ็ทของเด็กรุ่นใหม่มาโดยตลอด เราเลยไม่ได้หนักใจกับเรื่องนี้มาก

 

“ทำงานประจำ จะเอาเวลาที่ไหนไปเที่ยว” คิดเห็นอย่างไรกับประโยคแนวๆ นี้

Travelerspulse : เราแค่ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัดช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ถือว่าได้เที่ยวละนะ ทำงานประจำไม่ได้หมายความว่าเราจะมีชีวิตของตัวเองไม่ได้เลยซะหน่อย แค่จัดการบาลานซ์เวลาในแต่ละส่วนให้ดี แล้วก็ “Stay alert and active” เราว่าทุกคนเอนจอยไลฟ์ได้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แค่ปรับเปลี่ยนมุมมอง
คิดเห็นอย่างไรกับกระแสที่คนชอบออกเดินทางไปเที่ยว

Travelerspulse : ดีนะ รู้สึกว่ามันควรจะอยู่ในไลฟ์สไตล์ของทุกคนโดยพื้นฐานมาตั้งนานแล้ว เพราะการได้ไปเห็นอะไรใหม่ๆ เจอคนจากหลายๆ วัฒนธรรม มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง และทำให้เราโตขึ้นแบบรอบด้านได้จริงๆ

 

จำเป็นต้องไปเที่ยวเยอะๆ ไหม

Travelerspulse : เราว่าเดินทางสายกลางก็ดีนะ เที่ยวตามกำลังและความสามารถของเรา ไม่ต้องไปเดือดร้อนยืมเงินคนอื่นตอนจะไปเที่ยวกลับมายังต้องมาตามชดใช้อีก บางทีก็เที่ยวจนลืมรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองไปเลย เวลาเราไปเที่ยวเรามีความสุขเพราะฉะนั้นก่อนไปหรือหลังจากกลับมามันต้องไม่ทำร้ายเรา แต่ถ้าไม่ได้มีภาระอะไรและสามารถซัพพอร์ตตัวเองได้แบบ 100% ก็เต็มที่เลย!

 

การเดินทางให้อะไรกับเรา

Travelerspulse : ได้เพื่อนใหม่ ได้ทลายกำแพงที่เคยกั้นตัวเองเอาไว้ไม่ให้ทำนู่นทำนี่ ได้ออกจากคอมฟอร์ตโซน ลองทำอะไรบ้าๆ ดูบ้าง และอีกอย่างหนึ่งที่เราชอบมากเกี่ยวกับการเดินทางคือเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด แล้วก็เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด ได้ทบทวนความคิดอะไรหลายๆ อย่าง ได้หายใจสูดเข้าเต็มปอดแบบเต็มที่ มันเป็นอะไรที่สวยงามมากๆ ที่เราได้ทำเพื่อตัวเอง เหมือนเป็นรางวัลให้กับชีวิต

การที่เราทำงานออฟฟิศ มีเวลาทำงานปกติ ทำให้เราต้องเตรียมตัวหลายอย่าง มันให้อะไรกับเราไหม

Travelerspulse : ทำให้เรารู้สึกเอนจอยแล้วก็ให้คุณค่ากับทุกโมเมนท์ระหว่างทริป เราภูมิใจและดีใจทุกครั้งที่เราสามารถวางแผน และรับผิดชอบตัวเองจนสามารถพาตัวเองออกไปเดินทางได้โดยที่มันไม่ได้รบกวนเราหรือใครเลย ถ้ามีเรื่องเฟลๆ เกิดขึ้นหรือผิดพลาดบ้าง ก็ถือคติช่างมันแล้วก็มูฟออนไปต่อ แล้วเราตั้งกฎเหล็กกับตัวเองเลยว่าระหว่างเที่ยวจะพยายามอยู่บนโลกออนไลน์ให้น้อยที่สุด เพราะจะได้ซึมซับบรรยากาศด้านหน้าให้ได้มากที่สุด สมกับที่เราพยายามพาตัวเองมา จะทริปสั้นทริปยาวมันมีคุณค่าทั้งหมด

แนะนำ คนที่ทำงานออฟฟิศที่ชอบเที่ยว…

Travelerspulse : อยากเที่ยว เที่ยวเลย จะใกล้หรือไกล ในประเทศหรือนอกประเทศ ขอให้ลุยเลย เราเชื่อว่าจริงๆ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าหน้าที่ทุกคนคืออะไรแล้วต้องทำอย่างไร เราไม่ต้องแนะนำเลย เราเชื่อว่าถ้ามีแพชชั่นที่จะเดินทาง อะไรก็มาหยุดชีพจรของคุณไว้ไม่ได้หรอก!

 

เป้าหมายต่อไปของ travelerspulse ต่อไป

Travelerspulse : ถ้าในเชิงเที่ยว กำลังจะไปบาหลีเดือนเมษายนนี้ ถ้าในเชิงความเป็น Travelerspulse ตอนนี้มิ้นต์กำลังทำเว็บไซต์อยู่ (www.travelerspulse.co) แล้วก็กำลังจะผลิต Vlog เดินทางตัวแรก เร็วๆ นี้ค่ะ ยังไงก็ฝากทั้งเว็บไซต์และเพจ “TRAVELERSPULSE” ด้วยนะคะ    ท่องเที่ยวให้เยอะที่สุดในช่วงวัยรุ่นจะเป็นประโยคที่เราได้ยินคนแนะนำอยู่บ่อยๆ แต่ด้วยภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ ทั้งเรื่องของงาน เวลา หรืองบประมาณที่มี มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำตาม แต่หากเราซื่อสัตย์กับความรู้สึกอยากออกไปท่องเที่ยวจริงๆ แล้วรู้จักวางแผน รับผิดชอบตัวเอง รอคอยโอกาสและพยายามเพื่อไปที่แห่งนั้นให้ได้สักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ก็ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเดินทางบ่อยๆ หลายๆ ประเทศ เพราะคุณค่าของการไปเที่ยวบางครั้ง….มันได้เกิดขึ้นก่อนที่จะออกเดินทางแล้ว

    เที่ยวกับถ่ายรูปคล้ายจะเป็นของคู่กัน ไปเที่ยว 1 ครั้งเรามักมีภาพถ่ายเป็นร้อยพันรูปไว้คอยลง Social media อย่าง FB/IG หรือส่งต่อกันผ่านทาง Line ทั้งหมดนี้อาจให้ความรู้สึกทีดีแค่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จะเหลือเพียงกี่ภาพที่จะทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าแห่งความทรงจำ ณ ห้วงเวลานั้นได้ครบถ้วนจริงๆ

    จะดีไหม หากการ “สัมผัส” ภาพได้ด้วยมือจะช่วยให้เราจดจำความรู้สึกขณะที่เราบันทึกภาพนั้นได้ดีกว่า จนบางครั้งรูปที่ไม่คมชัดสมบูรณ์แบบ รวมถึงรูปที่มีการส่งจากมือผู้ถ่ายสู่มือผู้ที่ถูกถ่าย ให้ความรู้สึกพิเศษและเก็บไว้ในความทรงจำ ได้แม่นยำกว่ารูปที่คมชัดสมบูรณ์แบบซึ่งส่งผ่านกันบนหน้าจอก็ได้

    เราสามารถเพิ่มคุณค่าให้ภาพถ่ายได้ด้วยการสัมผัสภาพที่พิมพ์ออกมานั้นด้วยมือ ไม่ใช่แค่เพียงสัมผัสด้วยตาจากการมองเห็นภาพที่หน้าจออย่างเดียว เราสามารถแปลความหมายเพิ่มเติมจากแค่สิ่งที่ตาเห็น นั่นคือการเก็บความทรงจำที่มี “คุณค่า” ของความรู้สึก คล้ายกับการส่งโปสการ์ด ที่แม้จะถึงช้าและนานกว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ แต่เทียบกันไม่ได้เลย ในเรื่องของคุณค่าที่ได้รับ

    Mellow issue ขอแนะนำอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับการเพิ่มคุณค่าของภาพถ่าย และเชื่อมโยงระหว่างเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับความทรงจำ “Lomoinstant” จะช่วยให้การทบทวนช่วงเวลาและความรู้สึกที่เราถ่ายภาพเหล่านั้น ผ่านการ “สัมผัส” แผ่นฟิล์มด้วยมือของเรา

    กล้อง Lomo’Instant Sanremo กล้อง Instant หนังสีน้ำตาลสุดคลาสสสิคจากค่าย  Lomography ขนาดกำลังพอดีเหมาะกับการพกพาไปไหนมาไหนด้วย แถมมีลูกเล่นสุดสร้างสรรค์ให้คุณใช้ถ่ายและได้ภาพเหล่านั้นเลยทันที!

คุณสมบัติที่น่าสนใจ

– การถ่าย 3 โหมดที่ครอบคลุมการถ่าย Instant ทุกชนิด
โหมดเปิดแฟลชแบบออโต้, โหมดเปิดแฟลชแบบแมนนวล, โหมดปิดแฟลชแบบแมนนวล

– 
ถ่ายแบบ Long Exposures

สำหรับใครที่รักการถ่ายแบบชัตเตอร์บี เพราะคุณจะสามารถสร้างภาพแปลกๆได้ในแบบของคุณเอง สร้างแสงเป็นเส้นๆให้อยู่ในภาพของคุณ โดยสามารถเปิดชัตเตอร์ค้างไว้จนกว่าจะได้ภาพที่คุณพอใจ

– ถ่ายภาพซ้อนได้อย่างไม่จำกัด

กล้อง Lomo’Instant เป็นกล้อง Instant เพียงตัวเดียวที่ให้คุณสามารถถ่ายภาพซ้อนได้ไม่จำกัด และนั่นหมายความว่า คุณ   สามารถถ่ายได้หลายช็อต หลายแบบ หลายเอฟเฟ็กต์ ภายในรูปเดียว!

– ภาพ Instant ขนาดกะทัดรัด 
สามารถใช้ฟิล์มของ Fujifilm Instax Mini กับกล้อง Instant ตัวนี้ได้ โดยภาพที่ได้จะมีขนาดเท่ากับไซส์นามบัตร และด้วยชื่อเสียงของฟิล์มจาก Fujifilm สามารถมั่นใจได้เลยว่าสีของภาพที่ได้จะสดใสและชัดเจนอย่างแน่นอน 

สามารถรับชมสินค้าและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://shop.lomography.com


Credits:
Photographer : Sithipong Tiyawarakul

Stylist : Sutsiri Nimruang 
Text : Patarit Pinyopiphat
Producer : Sunicha Suparat
Special thanks : Lomography thailand

 

++กิจกรรมร่วมสนุก ลุ้นรับของรางวัลพิเศษ ++

“Could you tell me about your best summer?” บอกเล่าเรื่องราวสนุกๆ ในหน้าร้อนของคุณ เพื่อลุ้นรับของรางวัลเป็นกล้อง Lomo’Instant Sanremo จาก Lomography Thailand และของที่ระลึกจาก MELLOW ISSUE

โดยกติการร่วมสนุกมีอยู่ว่า

(*** ร่วมสนุกภายใต้โพสต์นี้เท่านั้น facebook.com/mellowissue/giveawayMellowXLomography )

1. Like เพจ Mellowissue และ Lomography Thailand 
2. ลงทะเบียนใน https://goo.gl/forms/EbGsT0BizvuQtT6w2
3. คอมเมนต์เล่าเรื่องราวฤดูร้อนที่คุณไม่มีวันลืม ภายใต้ facebook post ของ content นี้ พร้อม tag เพื่อนในเหตุการณ์อย่างน้อย 1 คน (จะดีมากถ้าคุณโพสต์ภาพเหตุการณ์นั้นด้วย)
4. กด Like และ Share ติด #MellowissuexLomographyThailand โพสต์นี้บนหน้าวอลของคุณพร้อมเปิดเป็น “public”

สำหรับใครที่ทำตามกติกาครบทุกข้อ และตอบได้ตรงใจเรามากที่สุด จะได้รับของรางวัลเป็นกล้อง Lomo’Instant Sanremo มูลค่า 4,600 บาท และของที่ระลึกจาก MELLOW ISSUE จำนวน 1 รางวัล และใครที่มีไอเดียสร้างสรรค์ๆ ก็ยังสามารถลุ้นรับของรางวัลชมเชยเป็นส่วนลดสำหรับใช้ในร้านออนไลน์ 15% และของที่ระลึกจาก MELLOW ISSUE 4 รางวัล

หมดเขตการร่วมสนุกวันที่ 31 มีนาคมนี้เท่านั้น

#MellowissuexLomographyThailand