สำรวจแง่มุมชีวิตกับโอ-ปวีร์ : ในวันที่เศร้าเพลงของเขาคือเพื่อนคุณ

หลายครั้งที่เราทุกข์ใจเพราะความรัก เสียงนุ่มๆ ของ โอ-ปวีร์ คชภักดี มักถูกเปิดคลออยูในช่วงเวลาเหล่านั้นอยู่เสมอ   ร่วมพูดคุยและสำรวจตัวตนในฐานะเจ้าพ่อเพลงเศร้าคนใหม่ประจำค่าย BOXX MUSIC

เพราะเราทุกคนต่างเคย ‘พยายาม’ และเป็น ‘คนที่ไม่ใช่’ แต่แปลกที่ทำไมหัวใจมัน ‘เจ็บไม่จำ’ ซักที

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้โอ-ปวีร์หลงรักในเสียงดนตรี
O-Pavee : อืม.. ที่จริง มันมี 2 อย่างนะ หนึ่งคือตอนเข้า ม.1 เรามีโอกาสเข้าไปอยู่ในชุมนุมดนตรีสากล แล้วท้ายภาคเรียน ทางโรงเรียนจะให้แต่ละชุมนุมจัดงานของตัวเอง ซึ่งชุมนุมผมก็จัดคอนเสิร์ต มันเป็นสิ่งแรกที่เราประทับใจ เพราะมีรุ่นพี่หลายๆ วงเขาแสดงความสามารถบนเวที เราเหมือนเด็กที่เห็นอะไรใหม่ๆ เราก็อยากมีโอกาสที่จะทำอะไรแบบนั้นบ้าง

แล้วครั้งที่ 2 ล่ะ
O-Pavee :
น่าจะช่วงม.3-4 หลังจากเราเริ่มเล่นดนตรีแล้ว เราได้ดูบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินต่างชาติคนหนึ่ง เขาชื่อ John Mayor ตอนนั้นเขาเป็นศิลปินหน้าใหม่ ผมชอบมาก มันเป็นคอนเสิร์ตเล็กๆ ประมาณ 100 กว่าคนเอง เราประทับใจในการเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเขาที่มีแค่กีต้าร์ตัวเดียวกับเนื้อร้อง เราอยากจะทำให้ได้เหมือนแบบนั้นบ้าง

หลังจากนั้นมันเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น
O-Pavee : เราก็เริ่มแต่งเพลง ฝึกกีต้าร์ ร้องเพลงเอง แต่ตอนที่เราฟอร์มวงกับเพื่อน แน่นอน วงดนตรีมัน 4-5 คน มันก็ต้องแตกต่างความคิด ถ้าคิดไม่ตรงกันมันก็มีโอกาสสูงที่จะไปไม่รอด เราก็เดี่ยวก็ได้วะ (หัวเราะ) เราก็สร้างพื้นฐานตั้งแต่ตอนนั้น

แต่งเพลงเองคนเดียวยากเหมือนกันนะ
O-Pavee : ผมพูดตรงๆ ผมเป็นคนที่ไม่เก่ง ไม่เก่งกีต้าร์ ไม่เก่งร้อง เราเลยพยายามที่จะทำในแบบที่ตัวเองคิดว่า ทำออกมาแล้ว.. เขาเรียกว่า ‘พอดีกับตัวเรา’ เราไม่สามารถที่จะร้องเพลงสูงๆ ได้ ไม่สามารถที่จะร้องโทนเสียงแบบใครได้ เราเลยเอามาทำให้มันพอดีในแบบของเรา พัฒนาในแบบของเราไปเรื่อยๆ

เอกลักษณ์ของดนตรีแบบ ‘โอ ปวีร์’
O-Pavee : ส่วนใหญ่เพลงผมจะมีเสียงกีต้าร์อะคูสติกเป็นหลัก แต่อาจจะคลุมด้วยอิเลกทรอนิคบ้างบวกกับกรูฟที่เป็นโซล พื้นฐานผมเป็นคนที่ชอบฟังคนผิวสีร้อง เลยจะมีปะปนอยู่บ้าง แต่จะเน้นไปทางป๊อปซะส่วนใหญ่

พูดถึงเพลงกันบ้าง ซิงเกิ้ลล่าสุด ‘เจ็บไม่จำ’
O-Pavee : เพลงนี้เป็นเพลงป๊อปที่จะมีกลิ่นของอิเล็กทรอนิคเข้ามาบ้าง เป็นกีต้าร์โปร่ง เข้าถึงง่าย เล่าถึงความสัมพันธ์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องทนอยู่กับสิ่งที่เราเข้าใจว่ามันเป็นความรัก แต่บางทีมันอาจจะเป็นความหลงหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งสุดท้ายแล้วมันจะไม่สมบูรณ์แบบ ต้องทนอยู่กับความผิดหวังแบบนั้นอยู่เรื่อยๆ มันเป็นเพลงที่เหมือนกับคนที่เวลาเราเจ็บกับอะไรสักอย่างเราจะจำ แต่สำหรับความรักหรือความเสน่หามันเจ็บแต่ไม่จำ มันอยากที่จะอยู่ต่อไป แลกกับความผิดหวัง แลกกับความเสียใจได้แต่เราไม่อยากออกไปจากลูปนี้

เบื้องหลังการทำเพลงครั้งนี้เป็นยังไงบ้าง
O-Pavee : เพลงนี้ผมทำกับพี่โฟร์ 25hours ครับ มาโปรดิวซ์ให้เป็นเพลงที่สามแล้ว ผมเริ่มเขียนเนื้อทำนองมาก่อนแล้วก็เอาไปเข้าที่ประชุม ก็มีพี่ปอย Portrait พี่ยักษ์ Clash มาร่วมช่วยกันแก้ ใช้เวลาแค่เดือนกว่าๆ สุดท้ายก็ออกมาเป็นเพลงนี้

ในการทำงานส่วนใหญ่เราเป็นคนคิดคอนเสปเพลงมาก่อนใช่ไหม
O-Pavee : ใช่ๆ ถ้าเราไม่สามารถจบความคิดในงานของเราได้ ทุกอย่างมันจะไหลไปเรื่อย เราจะไม่มีชิ้นงานที่เสร็จตามทามไลน์อะไรที่ชัดเจน ไปหาคนนู้นคนนี้ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ แต่ถ้าเกิดเรามีเรื่องราวในหัวที่ชัดเจนแล้ว สุดท้ายงานก็จะจบได้เร็วแล้วก็ไม่ยืดเยื้อ เราก็เลยต้องทำงานเองให้ได้ครับ

แล้วอย่างเจ็บไม่จำ สิ่งที่โออยากสื่อให้คนฟังคืออะไร
O-Pavee : ท่อนจบของเพลงผมจบด้วยคอร์ด 5 มันเป็นคอร์ดที่ไม่สมบูรณ์ในแง่ของดนตรีและหูของเรา ไม่ใช่คอร์ดที่เพอร์เฟ็ค มันเป็นสิ่งที่ผมต้องการที่จะสื่อว่า สุดท้ายแล้วเราก็จะวนลูปไปเรื่อยๆ เราจะไม่จบในจุดจบที่สมบูรณ์แบบ เรายังวนอยู่ในความสัมพันธ์เหล่านั้น

การที่เราวนอยู่กับความเจ็บปวดเหล่านั้น มันสามารถสร้างแรงผลักดันให้โอได้ไหม
O-Pavee :
ผมว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจจากชีวิตตัวเองสักเท่าไหร่ บางทีเราใช้ชีวิตเนิบ ๆ ไม่หวือหวา ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรน่าสนใจ เราก็ต้องหามันจากประสบการณ์ของคนอื่น แต่สำหรับผมเนี่ยความเจ็บปวดมันสามารถสร้างแรงผลักดันในการทำงานได้ เพราะมันจะมีแง่คิดอยู่ในนั้นเสมอ บางทีเราเห็นซีนในภาพภาพยนตร์ ประโยคในอินเตอร์เน็ต การกระทำของใครซักคน เราก็สามารถเอามาแต่งเพลงได้ ถ้ามันกระทบความรู้สึกเรา

เหมือนเราเอาตัวเองเข้าไปเรียนรู้กับความเจ็บปวดของคนอื่น
O-Pavee : ใช่ เพลงนี้ก็เริ่มมาจากที่ผมไม่มีแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง เลยถามในอินสตาแกรมว่า ใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับความรักอยากจะแชร์ไหม แล้วแฟนๆ ก็เขียนมาเต็มเลย หลายคนก็พูดเหมือนกันว่า เขามาขอคืนดีแล้วหนูก็กลับไป แล้วเขาก็ทำกับหนูแบบนี้อีก แต่หนูก็ยอมให้เขาทำนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ถ้าเราเป็นคนนอกก็มองว่า เห้ย! ทำไมโง่จังวะ ทำไมไม่จำ เหมือนกับท่อนหนึ่งของเพลงที่ย้ำว่า เจ็บแล้วช่วยจำสักทีเถอะ เจ็บแล้วช่วยจำสักที มันเป็นคำพูดของคนที่ไม่เข้าใจ แต่พูดเพื่อเผื่อว่าเราจะทำตามบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังไม่จำแหละ (หัวเราะ)

แล้วโอคิดว่าจุดไหนคือจุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์เหล่านี้
O-Pavee : มันต้องมีเวลาหนึ่งที่เรารู้สึกว่าอยากจะรักตัวเอง และตั้งคำถามว่าเราทนเพื่ออะไร ทนเพื่อให้คนมาทำร้ายเราแบบนี้หรอ มันก็คงจะเริ่มจากตรงนั้น มันอาจจะต้องใช้เวลา ผมไม่สามารถที่จะบอกว่า พรุ่งนี้คุณจะลืมแฟนเก่าได้ อันนี้มันโกหกแล้ว คุณอาจจะใช้เวลา 1 เดือน 2 เดือน หรือเป็นปี แต่วันหนึ่งเราเจอคนใหม่ที่ดี เราจะมองย้อนกลับไปแล้วคิดว่า ทำไมเราทนอยู่แบบนั้นวะ

เสน่ห์ของเพลงเศร้าคืออะไร
O-Pavee : ถ้าเกิดพูดถึงทฤษฎีเลย คือมันเข้าถึง mood and tone ของคนได้ง่าย มันดึงดูดด้วยโทนเสียงที่กุมหัวใจคนฟังได้มากกว่าเพลงสนุก สำหรับผมนะ เมโลดี้กับเนื้อร้องมันสื่อสารได้ดีกว่าเพลงสนุก เพราะมันเป็นสิ่งที่คนฟังฟังแล้วแบบ นี่มันชีวิตกูเลย เขาแต่งให้กูปะวะ เราได้ยินประโยคนี้บ่อย เพราะเนื้อหามันจริงและกระทบความรู้สึกคน มันถึงเป็นเสน่ห์ของเพลงเศร้า

ตลอดเวลาในการเป็นศิลปิน โอผ่านทั้งเรื่องดีและร้าย อะไรคือสิ่งที่ทำให้โอยังไม่หยุดไปต่อ
O-Pavee : ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มันเหมือนเวลาเรารักใครสักคนแล้ว เราไม่สามารถเลิกรักได้ในเวลาฉับพลัน เวลาเราคบกันมานานๆ เราก็อยากจะประครองความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ใช่ไหม ดนตรีก็เหมือนกัน ผมตกหลุงรักดนตรีแล้ว มันเลิกรักไม่ได้ และมันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด อุปสรรคผมเจอมาทุกรูปแบบเลยในวงการดนตรี การเปลี่ยนค่าย หรือเจอคนไม่ดี คือเราเริ่มมาตั้งแต่ 0 จากใต้ดินเลย หกล้มคลุกคลานมาตลอด แต่เรารู้สึกว่าดนตรีมันไม่เคยทำร้ายเรานะ สิ่งอื่นมากกว่าที่ทำร้ายเรา มันคอยซัพพอร์ตเราเสมอ เลยยังไม่คิดที่จะเลิก เราเชื่อว่ามันมีทางไปต่อได้

หมดแพชชั่น?
O-Pavee : ทุกคนต้องเคยหมดแพชชั่นอยู่แล้ว มันคือความคิดตอนที่เราโดนหลายๆ สิ่งเข้ามารุม ตอนนั้นเราอาจจะโดนต่อยจนเจ็บ จิตใจเราบอบช้ำก็พัก เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น แล้วก็เดินหน้าต่อ ผมคิดแบบนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมานะ เพราะทุกอย่างมันมีปัญหาหมด มีปัญหาก็ปรับแก้กันไป

เป้าหมายต่อไปของโอ-ปวีร์คืออะไร
O-Pavee : ผมเป็นคนที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนแต่เป้าหมายมันจะไม่ได้ยาวขนาดนั้น ผมจะคิดแบบ 1 2 แค่นี้ การที่ผมย้ายมาอยู่ที่ BOXX MUSIC เป้าหมายแรกก็คือปลดล็อคทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ รวบรวมเพลงทุกอย่างให้อยู่ในอัลบั้มแรก ปิดความคิดทั้งหมดที่อัลบั้มนี้ แล้วเริ่มก้าวต่อไป ผมมาที่นี่ด้วยการนับหนึ่งอีกครั้ง หลังจากการเดินทางมาอย่างสะบักสะบอม

นอกเหนือจากพาร์ทดนตรี โอในพาร์ทอื่นๆ มีอะไรที่ชอบอีกไหม
O-Pavee : นอกจากแต่งเพลงทำดนตรีก็คชอบทำอาหาร เพราะว่าอยู่กับอาหารมาตั้งแต่เด็ก ที่บ้านทำร้านอาหารใต้ มันเลยน่าจะเป็นสิ่งที่เราสนใจมากที่สุดนอกจากดนตรี หรือบางทีก็ทำกาแฟกินเองบ้าง ไม่ได้ชอบอ่านหนังสือเยอะ เมื่อก่อนอ่านเยอะ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้อินอะไรขนาดนั้น เลยชอบเสพอย่างอื่นมากกว่าที่ไม่ใช่หนังสือ จะเป็นดูหนังบ้าง อะไรแบบนั้น

ฝากผลงานเพลงหรืออัลบัม
O-Pavee : ฝากเพลงล่าสุดของผมด้วยนะครับ ชื่อเพลงว่าเจ็บไม่จำ ตอนนี้ทุกคนสามารถฟังได้แล้วทุก streaming ใน youtube มีเอ็มวี สามารถเข้าไป subscribe ได้ในช่องของ BOXX MUSIC หรือในแฟนเพจของผม O-pavee หรือเพจของ BOXX MUSIC ก็เข้าไปกดไลค์กันได้ แล้วปลายปีนี้จะมีอัลบั้มของผม ชื่ออัลบั้มว่า 9 ก็คือ 9 ปีแล้วก็ก้าวต่อไป แล้วก็จะมีอีกซิงเกิ้ลตอนเดือนตุลาคมนี้พร้อมกับอัลบั้ม ยังไงก็อยากฝากทุกคนด้วยนะครับ

ติดตาม O-PAVEE ได้ที่
FB : O-Pavee / BOXX MUSIC
IG : o.pavee


Credits
Text : Nitsanart Nilthongkum
Photographer : Sithipong Tiyawarakul