“โทนี่ รากแก่น” กับ ลุคสุดคลาสสิก ใน TIMELESS STYLE by DEVY

A MAN WITH CLASS IS “TIMELESS”

     “DEVY” แบรนด์เครื่องหนังที่มีคุณภาพสัญชาติไทย ถือกำเนิดขึ้นจากบริษัทผลิตอานม้าและกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ เมื่อปี 1947 กว่า 70 ปีแล้วที่ได้มีการพัฒนาเรื่อยมา จนกลายเป็นกระเป๋าและเครื่องหนังคุณภาพดีเยี่ยมในปัจจุบัน ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และคุณภาพจากการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด ผ่านงานฝีมือโดยช่างผู้ชำนาญการ DEVY จึงเป็นเหมือนผู้มีประสบการณ์มากว่า 70 ปี และ บ่งบอกสไตล์ที่เป็น “อมตะ” เหนือกาลเวลา
    ครั้งนี้ Mellow issue ได้ผู้ที่จะมาช่วยเติมเต็มความเก๋า อย่างคุณ “โทนี่ รากแก่น” ที่มีสไตล์ของตัวเองที่จัดจ้านและชัดเจนรวมไปถึงไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆในการแต่งตัว เข้ามารวมกับความ classic ของ DEVY ได้อย่างลงตัว

ตอนนี้โทนี่กำลังทำอะไรอยู่บ้าง

TONI : กำลังถ่ายซีรีย์เรื่อง แนวสุดท้าย กับทาง GMM25 อยู่ครับ เป็นซีรีย์ขนาดยาว เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคนที่ปฏิบัติภารกิจลับเพื่อประเทศชาติ นอกจากนี้ก็เปิดร้านตัดผม Smile Club ซึ่งไม่ได้เป็นแค่ร้านตัดผม แต่ยังทำเสื้อ กางเกง เครื่องประดับ ภายใต้แบรนด์ Smile Club

 

หนังและเพลงโปรด

TONI : หนังเรื่องโปรดคือ Drive (2011) ชอบ Art Direction ของเรื่องนี้ ทั้งการใช้แสง มุมภาพ โดยเฉพาะวิธีการเล่าเรื่องผ่านตัวละคร ส่วนเพลงอะไรก็ได้ที่มีแร็พ เช่น เพลง เเมนเเล้วบ่ ของ VKL


ไปเที่ยวไหนมาบ้าง

TONI : ทริปล่าสุดไปล่าแสงเหนือที่ฟินแลนด์ ซึ่งเราไม่ได้ทำการบ้านเองเลยไม่รู้ว่าปลายทางคืออะไร แต่ที่ประทับใจคือการลุ้นว่าวันนี้ฟ้าจะเปิดหรือเปล่า การได้ขี่กวางลากรถเราไปในป่าลึกเพื่อไปที่มืดที่สุดเพื่อไปดูแสงเหนือ อากาศหนาวลบ 20 องศา เลยมั้ง ถ่ายรูปไม่ได้เลย มือแข็ง เรามีเวลาแค่ 3 วัน 2 คืน คืนแรกเมฆเต็มเลย ก็ทำใจแล้วว่าน่าจะไม่เห็น แต่คืนต่อมาก็ฟ้าเปิดก็ถือว่าโชคดีมากๆ เป็นความประทับใจไปอีกแบบ

ช่วงนี้ชอบแต่งตัวแบบไหน  

TONI : ตอนนี้สนใจสไตล์ Homeless ชอบความ Mix and ไม่ Match อะไรบางอย่างไม่จำเป็นต้องคู่สีนี้ รูปแบบแบบนี้ก็ได้ เหมือนให้เราคิดว่าเราได้รับเสื้อผ้าบริจาคมา แล้วเราจะใส่มันอย่างไร

 

แบรนด์ที่ใช่

TONI : Vetements ชอบเพราะ Concept ของมันเลย Vetements มันแปลว่าเสื้อผ้า เพราะสุดท้ายแล้ว แฟชั่นมันคือเสื้อผ้าเท่านั้นเอง แบรนด์นี้จะนำเสื้อผ้ารูปแบบเดิมๆ มาทำใหม่ เช่น แขนปกติยาวแค่นี้ แต่ก็ทำให้มันยาวมากกว่าปกติออกไปอีก ซึ่งบางทีมันก็ดูแปลกและใช้ยากกว่าด้วย แต่เราคิดว่าสุดท้ายมันก็คือเครื่องนุ่งห่ม มันก็แล้วแต่คนจะตีความ เพียงแต่ Vetements ตีความออกมาได้ถูกใจเรา


บุคคลต้นแบบ

TONI : พี่ซัน เมธัส เทพนวล เป็นหนึ่งในคนที่ก่อตั้ง Smile Club ขึ้นมา เค้ามีระบบความคิดที่ล้ำ แต่อยู่ในความพอดี เวลานี้เหมาะกับอะไร เค้าจะมีมุมมองที่เป็น Creative สูงมาก ชื่นชมเค้าจริงๆ

ผลงานที่ภูมิใจ

TONI : ได้เป็นส่วนหนึ่งของ SOS skate ซึม ซ่าส์ เรารอมานานที่จะได้ทำงานกับโปรดักชั่นที่มีคุณภาพระดับนี้ และเรื่องราวที่ดีที่ถูกกลั่นกรองมาอย่างละเอียดจนสมบูรณ์แบบทุกอย่าง เราคงไม่มีโอกาสได้แต่งตัว ได้แสดงบ้าบอขนาดนี้ นี่เหมือนเป็นโอกาสเดียวในชีวิตเราเลยที่ได้ทำหัวเขียวได้แต่งตัวบ้าบอ ทำอะไรเพี้ยนๆ มันเหมือนเป็นบทโจ๊กเกอร์ของประเทศไทย

 

แนะนำไซม่อน (ตัวละครในเรื่อง SOS skate ซึม ซ่าส์)

TONI : ไซม่อนถูกพัฒนาจากความเข้าใจของเราและผู้กำกับในระหว่างที่ทำบทขึ้นมา เรารู้สึกว่าตัวละครตัวนี้มันไร้ซึ่งขอบเขตกำแพง ระบบระเบียบสังคม กฎหมาย ไร้ซึ่งขอบเขตศีลธรรม มันเป็นคนที่อิสระมากๆ อิสระจากห่วงโซ่วงเวียนชีวิตของคนปกติพอมันหลุดออกมามันจะมีความขบถ ไม่ค่อยทำอะไรตามสิ่งที่มันควรจะเป็นเท่าไหร่ นอกจากทัศนคติก็ไปถึงเรื่องการแต่งตัว มันมีความ Creative และความ Punk ซึ่งจริงๆ มันคือทัศนะคติของ Punk มันก็เลยออกมาเป็นรูปแบบนั้น บทมันถูกพัฒนามาก่อน หลังจากนั้นเราก็ไปหา Reference กัน หัวเขียว ก็มี G-Dragon กับ Joker ซึ่งเรามองว่าสองคนนี้มีความเป็นไซม่อนเหมือนกัน พอระบบความคิดมันเป็นแบบนี้ ผลสุดท้ายที่แสดงออกมาก็จะเป็นอะไรประมาณนี้เหมือนๆ กัน


ไซม่อนและโทนี่มีอะไรเหมือนกัน

TONI : มันคือตัวเราที่เก็บไว้เหมือนกับวันหนึ่งเราต้องทำลายกำแพงเพื่อเข้าถึงตัวไซ่มอนให้ได้ เราก็เลยได้ดึงส่วนนั้นในตัวเราออกมาด้วย แรกๆ เราก็ไม่ยอมรับว่ามันคือตัวเรา เรารู้สึกว่ามันคือคาแรคเตอร์ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อใช้แสดงเป็นตัวละครตัวนี้ แต่ตอนหลังมันกลับกลายเป็นว่าเราชอบที่อยู่กับตัวไซม่อน เราเอาตัวไซม่อนมาใช้ในชีวิตจริง เรารู้สึกตัวเราเฟรนลี่ขึ้น กล้าคุยกับทุกคนมากขึ้น อิสระมากขึ้น จนถึงขั้นที่เรางงตัวเองว่า เฮ้ย! ทำไมเราเป็นได้ขนาดนี้ ก็เลยคุยกับ แอคติ้งโค้ช เค้าก็บอกให้เรายอมรับว่าชอบหรือไม่ชอบอย่างไร เป็นแบบนี้แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเราอย่างไร ให้มีสติกับมัน ก็เลยปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็คือตัวเรา คนที่เราปิดไว้มานาน เพื่อนๆ รอบข้างก็บอกว่าดูเรื่องนี้แล้วมันเป็นเราที่สุดเลย เราก็ยังแอบปฏิเสธอยู่ว่ามันไม่ใช่ เพียงแค่เมื่อก่อนเรามีขอบเขตว่าต้องเป็นคนแบบนี้ ต้องเป็นคนน่ารักในสายตาคนอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วเรามีความขบถ มีความดิบเถื่อนอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

 

บทที่อยากเล่น

TONI : ส่วนตัวชอบเล่นหนังรักโรแมนติก แต่ก็อยากให้มีส่วนผสมของอะไรบางอย่าง เหมือนเรื่อง Drive จะมีส่วนผสมของ Action และอะไรอีกหลายอย่างมากกว่าแค่เรื่องรักทั่วไป ถ้ามีโอกาสก็อยากทำอะไรแบบนั้น

 

คาดหวังในอนาคต

TONI : อนาคตเราก็คงเป็นนักแสดงต่อไปเรื่อยๆ ต่อให้เราแก่แล้วก็เล่นเป็นปู่ เราชอบสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ชอบอยู่ในกองถ่าย ชอบการได้เรียนรู้ตัวละครแต่ละตัว มันทำให้เราได้ลองเป็นคนแบบใหม่ ทัศนะคติตัวละครทำให้เราเข้าถึงอะไรใหม่ๆ เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ที่เราไม่มีโอกาสได้ทำ อย่างเรื่องที่เป็นสายลับ สายลับมันต้องมีมันสมอง ต้องฉลาด ซึ่งเราเป็นคนโง่ แต่อยู่ดีๆ วันนึงเราต้องพยายามปรับตัวเองให้ฉลาดขึ้น ให้ทันสังเกต จดจำอะไรได้เร็ว เหมือนไปเรียนรู้ทางลัด อนาคตก็คงวนเวียนในวงการนี้


เด็กชายโทนี่

TONI : เป็นเด็กชายงงๆ จะงงๆ กับชีวิต งงๆ กับอะไรหลายอย่าง เพราะเราไม่ได้เติบโตมาจากระบบแบบแผน เราโตมาแบบพ่อแม่แยกทาง ต้องเรียนรู้เอง ไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล เราต้องครูพักลักจำ ศึกษาจากการกระทำของคนอื่น โดยที่เราก็ไม่มั่นใจนะว่าสิ่งที่เราเลือกมา มันดีที่สุดหรือยัง บางทีก็ทำให้ผู้ใหญ่รอบข้างเค้ารำคาญ ถูกมองเป็นเด็กขวางโลก เด็กเกเร ออกแนวด้านลบซะส่วนใหญ่ แต่ด้วยความที่ข้างในเรารักดี อยากพัฒนาตัวเอง ทำให้เป็นคนดี คนเก่ง มันก็เลยเกิดเป็นความงงๆ เป็นการเรียนรู้ชีวิตที่ค่อนข้างช้ากว่าปกติ แต่มันคือสิ่งที่ทำให้เรานำมาใช้ในทุกวันนี้ คือการอาศัยการสังเกต ใครทำอะไรดีก็จำมาทำตามบ้าง

เด็กไทยเป็นอย่างไรบ้าง

TONI : เด็กไทยสมัยนี้รู้เยอะขึ้น ฉลาดขึ้น ด้วยความที่ว่าเค้าสามารถเสพอะไรก็ได้บนโลก ได้เห็นความเป็นจริงหลากหลายแง่มุมจากโลกออนไลน์ ค่อนข้างมีอิสระในการเลือกใช้ชีวิตมากขึ้น ส่วนเรื่องแฟชั่นก็หลากหลาย มีอิสระที่จะลองหยิบโน่นผสมนี่เป็น Mix and Match มากกว่า ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นอย่างไร ช่วงนี้จะเป็นพวก Street Hi-End หรือ Street Brand อะไรก็ได้ไป Collapse กับ Brand Hi-End ก็จะเป็นที่นิยมมากขึ้น


ฝากถึงเด็กไทย

TONI : การค้นหาตัวตนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าหากเจอเร็ว เราจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตเร็วขึ้น ต้องหาวิธีของตัวเองเพื่อหาตัวตนของตัวเองให้เจอ


 

Special thanks : DEVY

Credits
Model : “
TONI” RAKKAEN
Photographer : Patarit Pinyopiphat
Stylist : Jakkaphong Kirdtongkum
MUA & Hair : Sarayut Pengsomya
Fashion Producer : Sunicha Suparat
Photographer’s Assistant : Sithipong Tiyawarakul, Apiwat Netbood, Praweena Fangrew
DOP : Watcharapon Seangarunroj
Locastion : QUAINT BANGKOK
*Model wears
1.) TAKARA WONG , SUB-AGE , Takeo Kikuchi from PRF.
2.) LEISURE PROJECT from Gin&Milk.
3.) JOSEPH BROWN.
4.) GROUNDER.