A man who always finding himself
Ray Macdonald บุคคลผู้เดินทางมาแล้วเกือบครึ่งโลก สัมผัสเก็บเกี่ยวประสบการณ์และสิ่งดีๆ จากที่ต่างๆ ถ่ายทอดให้คนมากมายได้เห็นผ่านทางรายการท่องเที่ยวในรูปแบบเฉพาะตัว ที่ทั้งสนุกและน่าจดจำ เขาพาไปเห็นโลกในมุมที่ไม่เคยเห็น เขาจุดไฟให้คนกล้าออกมาเดินทาง และเห็นว่าการเดินทางมีคุณค่ามากกว่าแค่การมาถึงแล้วกลับไป
การเดินทางที่สนุกที่สุดของคนเรา คือการเดินทางค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง มันไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีถูกผิด มีแต่ประสบการณ์ดีๆ ที่รอให้เราไปค้นหา เหมือนการเดินทางไปในที่ที่เราไม่เคยไป ถามตัวเองว่าถึงเวลาแพ็คกระเป๋าแล้วก้าวออกไปตามหาแล้วหรือยัง อย่ารอช้า ก่อนที่ไฟในชีวิตจะหมดลง
“ขอให้กล้า กล้าไป อย่าไปวิตกมากว่า จะกินอะไร จะอยู่ยังไง
เพราะว่านี่มันเป็นส่วนหนึ่งของ ประสบการณ์”
Ray ตอนเด็ก
:: อันนี้อาจต้องไปถามแม่ดูนะ แต่เท่าที่จำความได้ช่วงก่อนวัยรุ่น จะไม่ค่อยเชื่อฟัง รับฟังอะไรเท่าไหร่ เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะไม่ฉลาดนัก จะเป็นเด็กที่ดื้อ ดื้อมาตลอด ดื้อมาก จำได้ว่าโดนลงโทษมาตลอด
เคยโดนลงโทษแบบไหนที่จำมาจนวันนี้
:: จำไม่ได้แล้วว่าทำอะไรผิด กลับบ้านมาก็เจอแม่กำลังต้มมะระอยู่ แม่ไม่รู้จะทำยังไงก็คงไม่อยากตีลูกก็เลยบังคับให้กินมะระที่ยังไม่ปรุงทั้งหม้อ จากนั้นมาก็เลิกกินมะระไปเลย เหมือนเลิกยา
ความฝันตอนเด็กๆ
:: ถ้าไม่นับกระเป๋ารถเมล์แล้ว ก็น่าจะเป็นนักฟุตบอล เราชอบ เล่นตั้งแต่เด็ก พอเริ่มโตมาเจอตัวเจ๋งๆ อายุน้อยกว่า เราเริ่มสู้ไม่ค่อยได้แล้วก็เลยหันมาเตะเขา ถีบเค้าแทนบอล อันนี้ล้อเล่นนะครับ
Idol ในดวงใจ
:: Idol ของเราน่าจะแม่กับพี่สาว มันมีอิทธิพลกับเราแบบไม่รู้ตัว เมื่อเอาชีวิตมาเทียบกันแล้วเราก็ไม่หนีกันเท่าไหร่ เราเดินตามกันแบบไม่ได้ตั้งใจ มันซึมๆกันไปเอง Idol ของเราควรเป็นคนใกล้ๆตัวเราที่เรารู้จักเค้าดีในทุกๆ ด้าน ถ้าไม่รู้จักตัวตนเค้าจริงๆ เราไม่ให้เป็น idol หรอก
ตัวตนที่แท้จริงของ Ray Macdonald
:: ตัวตนที่แท้จริงของเรายังหาอยู่ แล้วก็คิดว่าจะหาต่อไปเรื่อยๆ คิดว่าเจอบ้างละประมาณนึง แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เจอแล้วเนี่ยมันใช่ตัวตนที่แท้จริงรึเปล่า ก็สนุกกับการค้นหา ค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง พัฒนาตัวเอง ตัวตนเราตอนนี้กับเมื่อ 5ปี 10ปีที่แล้วมันก็คล้ายคลึงกัน จะพัฒนาไปดีหรือแย่ลงก็ขึ้นอยู่กับไปคุยกับใครมา แต่เราก็หวังว่ามันจะไปในทางที่ดีขึ้น แม้ไม่มากก็ยังดี
ตัวตนเท่าที่เจอเเล้วคืออะไร
:: ค้นเจอว่าตัวเองขี้เกียจ ต้องการทุกสิ่งโดยไม่ทำอะไรเลย ขี้อิจฉา นี่ทั้งหมดมันอาจเป็นปมด้อยจากที่ใดที่หนึ่งมา แต่ก็ไม่ได้กระทบกับเรามากเท่าไหร่ เราจะใช้ทั้งหมดเนี่ยเป็นเเรงลบ หรือใช้มันเป็นพลังกระตุ้นเรา ให้ก้าวไปข้างหน้าก็ได้ด้วยความอยากได้อยากมีเราก็เลยต้องผลักตัวเองขึ้นไป เราชอบแข่งกับตัวเองมากว่าแข่งกับคนอื่น พอเราชนะตัวเองได้มันก็รู้สึกดี ยิ่งถ้าได้ชนะคนอื่นด้วยแล้วมันก็ยิ่งสนุกไปใหญ่ ขอให้ทุกคนจงอย่าพอ การแข่งขันมันสนุกถ้าเล่นตามกฎ กติกา ซึ่งบ้านเราไม่ค่อยมีก็ยิ่งสนุกไปใหญ่
Style การแต่งตัว
:: ไม่ต้องอธิบายครับ พยายามจะแต่งให้น้อยชิ้นที่สุด อะไรหาได้ใกล้มือที่สุด แต่งตัวตามสภาพอากาศ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น รองเท้าเเตะ เราชอบใส่รองเท้าแตะนะ แต่จะโดนว่าเรื่องมันไม่สุภาพ แต่เราว่ามันเป็นอะไรที่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรานะ เราแบนพวกเสื้อหนัง เเละรองเท้าบูทในประเทศที่อุณหภูมิเฉลี่ย 32 องศา
ชอบไปซื้อเสื้อผ้าที่ไหน
:: ผมไม่ซื้อครับ ทั้งตัวนี่ก็เป็นของพรีเซนเตอร์ให้มา เขาให้อะไรมาผมใส่หมดเลยนะ ไม่ได้ซื้อมานานมากเเล้ว แต่ที่ล่าสุดที่ญี่ปุ่น ซื้อกางเกงกรรมกรญี่ปุ่นมาตัวละ 300 คิดเป็นเงินไทยนะ เดินเข้าเดินออกเป็นชั่วโมงจนเพื่อนด่า ก็เลยซื้อมา ใส่ตอนขึ้นเครื่องสบายมาก แต่มันก็ร้อนไปสำหรับที่นี่ ซึ่งบ้านเรามันมีแค่ 2 ฤดูคือ ร้อน กับร้อนมาก
Fashion icon
:: พี่เอ็ม สุรศักดิ์ วงษ์ไทย
มุมมองแฟชั่น
:: แต่ละคนสนุกสนานกับการแต่งตัวกันดี ถ้าเกิดแต่งไม่เหมือนกันแล้วแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของแต่ละคนเราจะชอบนะ ไม่จำเป็นต้องเยอะชิ้นแค่เลือกจับมาชิ้นสองชิ้น ก็ดูดี มันอยู่ที่ style เฉพาะตัว เรียกว่าเป็นความสามารถพิเศษเลยก็ได้ ไม่ต้องแพงแค่รวมกันแล้วใช่พอ บางคนก็เยอะเกิน เยอะแล้วไม่เข้ากันก็เสียใจด้วยครับ
เริ่มทำรายการท่องเที่ยวได้ยังไง
:: เริ่มจากย้อนไปตอนทำ teen talk ก็จะมีการไปต่างประเทศ ไปถ่ายตามคิวลิ๊งก์เข้ารายการเท่านั้น เราก็เลยคุยๆกับพี่ว่าเสียดายอุตส่าห์มาทั้งทีมันน่าจะขยายอะไรไปได้อีก แล้วก็มาเป็น teen talk inter จากนั้นปีนึงก็ไม่ตอบโจทย์เขาก็เลยไม่ทำต่อ ก็มีพวกพี่ producer ต่างๆ รวมตัวกันเปิดบริษัทเล็กๆ ทำรายการวีซ่าต่อ 5-6 ปีก็พัฒนามาเรื่อยๆ แล้วก็หยุดไป 2ปี มีรายการใหม่ชื่อ Roaming คนก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าไม่ใช่แฟนตัวจริงก็คิดว่ามันรายการเดียวกันหมด ถ้าเป็นแฟนที่ติดตามก็จะเห็น concept บ้าง
จุดเด่นของรายการ
:: อยู่ที่พิธีกร เราจะหาคนที่มีจุดเด่นหรือเอกลักษณ์ หาคนอื่นบ้างที่ทำได้ดีกว่าเรา พูดรู้เรื่องมากกว่า หรือไม่รู้เรื่องยิ่งกว่าก็ได้ แต่ต้องมีอะไรที่น่าจดจำ สนุก รูปแบบรายการก็จะนำเสนอการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ๆ ให้พิธีกรพาเราไปเจอเรื่องราวต่างๆ ในแบบต่างๆ ตามตัวตนเขา จะเห็นเราน้อยลงเพราะเราเดินทางมาเยอะมาก อาจจะไม่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งเหมือนตอนแรกๆ ที่เห็นทางม้าลายก็ตื่นเต้นแล้ว แต่รายการมันก็ต้องสนุก ตื่นเต้นอยู่ บางครั้งเราพยายามตื่นเต้นเกินไปจนมันดู fake มากก็ไม่ชอบ อีกส่วนสำคัญของเราก็คือ Production ของพวกเรา
Concept ของรายการ
:: ก็แตกต่างกันไปนะ อย่าง Roaming ก็คือการเดินทางโดยการนั่งรถไฟ จากกรุงเทพไปลอนดอน มีจุดเริ่มต้น จุดจบ และเรื่องราวระหว่างการเดินทางแบ่งเป็นตอนๆไป อย่างรายการ 48 ชั่วโมง ก็เล่นกับเรื่องเวลา เดินทางไปเที่ยวในเวลา 48 ชั่วโมง กับพิธีกรหมุนเวียนกัน ไปไหนทำอะไรได้บ้าง จะพาไปแต่ละเมืองที่ไปสามารถไปได้จริง รายการสุดเขตเทศกาลก็คือ การตะเวนดูเทศกาลต่างๆ ทั่วโลก เทศการบ้าๆ แปลกๆ น่าสนใจ ทั่วโลกรวมทั้งในไทยด้วย
เกณฑ์การเลือกสถานที่
:: ที่ไหนก็ได้ที่เค้าให้ไปฟรีเอาก่อนเลย (ฮะๆ) แล้วก็ผสมๆกับไปเมืองที่น่าสนใจ เมืองที่กำลังมา เมืองที่คนลืมไปแล้วตาม เกาะ ตามซอกตามหลืบ แล้วก็ขุดมันขึ้นมาอีกครั้ง
ไปมากี่ประเทศแล้ว
:: 70-80 กว่าประเทศแล้วครับ
สถานที่ประทับใจไปได้ไม่เบื่อ
:: ประทับใจหลายที่นะแต่ถ้าให้ไปได้เรื่อยๆ ก็น่าจะเนปาล กับมองโกเลีย ชอบธรรมชาติสวยมาก มีกิจกรรมให้ทำเยอะ วิถีชีวิตค่อนข้างโดดเด่นชัดเจน และที่สำคัญผู้คนน่ารักมาก บางที่เหมือนเมืองในฝันเลยในจินตนาการเรา แต่พอไปจริงแล้วมันไม่ใช่ก็เฟลนิดหน่อย แต่ที่นี่ไม่เลยมันคือสวรรค์ของจริง ให้กลับไปกี่ครั้งก็ไป
ที่ไหนไปแล้วไม่ประทับใจบ้าง
:: ไม่ถึงกับไม่ประทับใจเลยนะแต่ผิดหวังก็พอมีบ้าง เหมือนพอเค้าคิดว่าของเค้าดีแล้ว คนสนใจมากแล้ว ผู้คนก็เริ่มไม่น่ารัก เอาเปรียบนักท่องเที่ยว ซึ่งมันทำให้เสน่ห์ของเมืองนั้นๆมันลดลง แต่เราพยายามคิดว่าจะไม่เอาคนๆ เดียวมาทำลายประสบการณ์ของเรา แต่พอเริ่มเจอเยอะเข้าก็ไม่ค่อยอยากกลับไปแล้ว นอกจากเรื่องสถานที่แล้วเรื่องผู้คนก็สำคัญมาก
ที่ไหนไปแล้วยากลำบากสุดๆ
:: อินเดียละกัน แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากมายเพราะเราเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว แค่มันค่อนข้างใช้ชีวิตได้ลำบากหน่อย มันเป็นอะไรที่ extreme ไปซะทุกสิ่ง เคยคุยกับหลายคนก็พูดเหมือนกันว่า ตอนอยู่อินเดียจะถามตัวเองตลอดว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ แต่พอก้าวเข้าประตูเครื่องบินจะกลับแล้ว มันก็รู้สึกอยากกลับมาอีก และเริ่มวางแผนการเดินทางกลับมาอีกครั้ง แต่อินเดียสวยมากนะตามเมืองเล็กๆ ทางเหนือ ทางใต้ คือสวรรค์เลยนะ แค่ในเมืองใหญ่มันอาจจะโหดไปสำหรับนักเดินทางมือใหม่ๆ ลองใช้เมืองใหญ่ไว้แค่เปลี่ยนเครื่องบินเปลี่ยนรถเมล์เอาแล้วไปสัมผัสสวรรค์ด้านนอกเอา เรียกได้ว่ามันคือสวรรค์และนรกในที่เดียวกันก็ได้ หลายๆ คนก็คงคิดแบบนี้กับกรุงเทพบ้านเรา
มีที่ไหนจะไม่ไปอีกแล้ว
:: ไม่มีครับ
ก่อนตายต้องไปให้ได้
:: คิวบา อเมริกากลาง กัวเตมาลา เอกวาดอร์ ไอซ์แลนด์ พวกที่มันดูไกล๊ ไกล
Plan ล่าสุดที่วางแผนจะไป
:: กลับบ้านที่ร่มเกล้าครับ 🙂
การเดินทางให้อะไรบ้าง
:: ให้ประสบการณ์ดีๆเยอะเลย เหมือนเป็นห้องเรียนห้องใหญ่ๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตของบ้านเขา แล้วเวลาไปเจอธรรมชาติที่มันงดงามยิ่งใหญ่มากๆ มันทำให้เราคิดได้ว่าเรามันตัวเล็กแค่ไหน มนุษย์ดูไม่มีค่าอะไรแบบนั้นเลย ทำให้อีโก้เราหายไป และที่สำคัญทุกครั้งที่ผมเดินทางไปไหน ยิ่งไกลมากมันก็ยิ่งสะท้อนกลับมามาก สะท้อนให้ผมเห็นคุณค่าของสิ่งธรรมดารอบๆ ตัวที่ผมมองข้ามไป เมื่อไปอยู่ต่างเมืองมันไม่มีอะไรแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมคิดถึงและเห็นคุณค่าของมัน
ข้อเสนอแนะนักเดินทางมือใหม่
:: ขอให้กล้า กล้าไป อย่าไปวิตกมากว่าจะกินอะไร จะอยู่ยังไง เพราะว่านี่มันเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ เปิดใจให้กว้าง อย่าเอามาเปรียบเทียบกับบ้านคุณ ถ้าอยากให้เหมือนก็นอนอยู่บ้านไปไม่ต้องไปไหนหรอก ไปรับอะไรใหม่ๆเข้ามา หลงทางบ้างเหนื่อยบ้างก็มองให้เป็นเรื่องสนุก เริ่มแรกๆ ก็ไปจากที่ที่มีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ศาสนา การกินอยู่ คล้ายๆ บ้านเราก่อน จะได้ไม่ตกใจมาก ถ้าเริ่มด้วยอินเดียเลยคงไม่เห็นด้วย ไปเนปาลก่อนดีไหม แล้วค่อยๆเพิ่มเลเวลขึ้นไป ถ้าเป็นพวกที่กินยากก็ขอให้โชคดีละกัน
ถ้าเป็นไปได้อยากให้ปรับตรงไหนเพื่อการไปเที่ยวได้ดีกว่าเดิม
:: อยากให้ยกเลิกพวกคิดเล็กคิดน้อยต่างๆ ภาษีสนามบิน ถ้าได้เรื่องวีซ่าก็จะดีมาก แล้วที่สำคัญของในสนามบินทำไมแพงจัง แค่ก้าวลงจากแท็กซี่ราคาเท่ากับที่สเปนเลย ลดหน่อยได้ไหมทำไมต้องแพงขนาดนี้ แล้วก็เปิดช่องตม. เยอะๆหน่อยได้ไหมครับ
แนะนำฝากถึงเด็กไทย
:: จงอย่าเสียเวลาทำสิ่งที่เสียเวลา จริงๆผมก็ไม่รู้จะบอกอะไรนะเพราะผมก็ยังค้นหาตัวเองอยู่เหมือนกัน จงสนุกกับการค้นหาตัวเอง ไม่ว่ามันจะเจอหรือไม่ก็ตาม เพราะว่ามันคือส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต บางคนเจอเลยก็ยินดีด้วย บางคนช้าหน่อยกว่าจะเจอก็ยินดีด้วย คนที่หาไม่เจอก็ไม่ต้องไปคิดมาก ไม่จำเป็นว่าต้องหาให้เจอ เมื่อวันสุดท้ายที่เรานอนนิ่งๆอยู่ที่ไหนสักแห่ง วันนั้นเราจะรู้เอง ทุกอย่างชะลอช้าลงเราก็จะคิดออกว่า อ๋อ ทั้งหมดนี่มันแค่นี้เองน่ะเหรอ ผมขอให้เราสนุกกับการค้นหากันทุกคนแล้วกัน แล้วเรื่องยาเสพติดให้ห่างเลยครับเสียเวลา
การค้นหาตัวเองจะเจอช้าหรือเจอเร็วหรือเจอแล้วอยากจะเปลี่ยนทุกอย่างไม่มีผิดและไม่มีถูกจงสนุกไปกับมันโลกใบนี้กว้างใหญ่มากพอที่จะให้ทั้งประสบการณ์และความรู้ขอเพียงแค่เราใช้ชีวิตให้เหมือนกับการเดินทางเก็บเกี่ยวทุกอย่างมาเป็นบทเรียนและพร้อมที่จะเปิดรับสิ่งใหม่อยู่เสมอเหมือนกับผู้ชายที่ชื่อว่า “เรย์ แม็คโดนัล”
Photo : Patarit Pinyopiphat
Text : Preweena Fangrew