“ยินดีต้อนรับสู่ พ.ศ. ใหม่” อากาศเย็นกำลังดีในเมืองกรุง คงกระซิบกับเราเป็นนัยผ่านสภาพอากาศ ใช่แล้วปีนี้เราเริ่มมกราคมด้วยบรรยากาศชวนสบายใจ แต่ก็อย่างที่รู้ อากาศที่ยากจะคาดเดา เธอจะใจดีกับเราไปอีกกี่วันก็ไม่มีใครล่วงรู้ ดังนั้นแล้ว เราจึงขอซึบซับความรู้สึกนี้ เผื่อเอาไว้คิดถึงก็ยังดี
ผิดจากอาหารอร่อยในร้านโปรด ไม่ว่าจะวันไหนก็คงไม่มีทางที่จะทำให้ผิดหวัง บ่ายนี้เรานัดกันที่ BCDE ตัวย่อแห่งห้องรับประทานอาหารประจำโรงแรม LiT Bangkok โดยมีเนื้อความว่า Bistro of Creative Drinking & Eating ความอร่อยในระดับนานาชาติ ที่นี่เปล่ามีภารกิจแค่สร้างความประทับใจให้แก่ดันทางเดินจากเมืองไกลเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกแหล่งหลบหลีกความวุ่นวายของกรุงเทพฯ – ชีวิตดี ๆ ที่อาจจะยังไม่ลงตัว แต่ตอนนี้ขอเริ่มลงพุงกันเลยดีกว่า (ไว้ลดน้ำหนักอีกปีแล้วกัน)
ก่อนที่จานโปรดจะมาเสิร์ฟ เราขอเริ่มต้นด้วยเครื่องดื่ม ซึ่งจะแนะนำทั้งแบบไร้ความมึนเมาและชนิดผสมแอลกอฮอล์ ม็อกเทลแก้วแรกคือ Lychee Mojito จริงแล้วแก้วนี้เป็นเครื่องดื่มสุดยอดแนะนำของที่นี่ โดยมีเอกลักษณ์ที่จะมัดใจคนทั่วโลกด้วยลิ้นจี่ ใครกันจะไม่รักผลไม้ไทย อีกทั้งการที่เป็นม็อกเทลหรือเครื่องดื่มผสมที่ไร้แอลกอฮอล์ทำให้แก้วนี้เป็นมิตรกับทุกคนและทุกเวลา ในด้านของรสชาติ โมฮิโตะของที่นี่ผสมได้อย่างสดชื่น ดื่มง่าย ไม่ซ่าจนเกินไป และยังไม่แย่งซีนลิ้นจี่ พระเอกที่เปิดตัวอย่างสด ๆ ได้ทั้งเนื้อและน้ำ
แก้วถัดมาคือ Bangkok Midnight Blue สดชื่นเช่นเดิม เพิ่มเติมคือวอดก้า โหดสุดสไตล์รัสเซีย (แต่แก้วเดียวก็ทำอะไรเราไม่ได้ (มั้ง)) โดยตัวนำหลักอีกชนิดที่นำมามิกซ์คือ บลู ครูราโซ่ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อค็อกเทลแก้วนี้ รสชาติที่พบจะมีมากกว่าหนึ่งมิติ สัมผัสแรกคือรสเปรี้ยวชวนสดชื่น และตามมาด้วยหมัดเด็ดคือความร้อนของวอดก้าและบลู ครูราโซ่ ใครที่ชอบค็อกเทลก็ต้องชอบแก้วนี้เป็นแน่
ทันทีที่ดับกระหายกันแล้ว ก็ถึงเวลาดับกระเพาะกันบ้าง ด้วยการที่ BCDE ขึ้นชื่อว่าเสิร์ฟอาหารนานาชาติ มื้อนี้ของเราจึงหลากหลายในเรื่องเชื้อชาติ อย่างไรก็ตาม ทุกจานก็พร้อมสามัคคี สร้างความประทับใจได้อย่างไร้ที่ติ จานแรกของเราคืออาหารประจำชาติไทยแลนด์แดนอร่อย ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ ความละเมียดเริ่มตั้งแต่ก่อนผัด โดยเริ่มจากซอสมะขามซึ่งจำเป็นต้องเคี่ยวนานนับชั่วโมงเพื่อให้ได้สูตรเฉพาะตัว ไม่ซ้ำกับที่ไหน เอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือการเลือกใช้ซอสที่เย็นสำหรับการปรุง ทั้งนี้ก็เพราะว่าความร้อนอาจทำให้รสที่ตั้งใจไว้เพี้ยนไปได้ ความละเอียดต่อมาคือการเลือกกุ้ง เดินทางมาจากอยุธยาแทบทุกวัน เรียกได้ว่ายังสด ๆ มัน ๆ อยู่เลย ตลอดจนการทำให้ไข่ที่ห่อเส้นนั้นเป็นรูปตาข่าย ยิ่งดูน่ารับประทานไปอีกระดับ
จานหลักถัดมายังคงเป็นเมนูเส้น แต่ต้นตำรับนั้นมาจากเชฟชาวฝรั่งเศส พาสต้าผัดหอยเชลล์และซอสใบโหระพา แป้งที่ใช้นั้นคือพาสต้าสีดำจากดีหมึก สัมผัสเหนียวนุ่มปนด้วยรสเค็มอ่อน ๆ ปรุงด้วยซอสเพสโต้หรือซอสโหระพา ความมันที่ได้อยู่ในระดับกำลังดี ไม่ได้ชวนเลี่ยน อร่อยทุกคำ เข้ากันดีกับหอยเชลล์หรือสแกลล็อปที่เชฟได้คัดสรร จำเป็นต้องมีขนาดตัวเท่านี้ เนื่องจากความสมดุลกับขนาดของเส้น ไปจนถึงการย่างที่ไม่ให้สุกจนไปเจอความกระด้าง ซึ่งจะทำให้เสียรสชาติและความฉ่ำ
และจานหลักอีกหนึ่งมาจากทวีปใกล้ ๆ สเต็กเนื้อสันในออสเตรเลีย เนื้อคุณภาพดีเยี่ยมย่างในระดับมีเดียมแรร์ด้วยความชำนาญ กินเปล่า ๆ ก็ยังอร่อย แต่ยังสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อได้ทานเคียงกับซอสเห็ดซึ่งเป็นสูตรเฉพาะ ทุกคำประหนึ่งว่ามีไวน์แดงหอม ๆ มาห้ามให้เราไม่ให้หยุดกิน โดยทางเชฟแนะว่าอยากให้ราดซอสลงไปที่ตัวเนื้อหลังจากที่หั่น เพราะจะทำให้รสซอสนั้นเข้าไปอยู่ในทุกคำ นอกจากนี้ในจานตรงหน้ายังมีเบคอนชิ้นโต มันฝรั่ง ผักย่าง ซึ่งความหอมในทุกองค์ประกอบชวนให้เรานึกถึงการกินบาบีคิวอยู่กลางสวนสักแห่ง
ปิดท้ายด้วยของหวานระดับโรงแรมหรู โปรฟิตเตอโรน (Profiteroles) หรือขนมอบซอสไส้ครีม รูปลักษณ์คล้ายเอแคลร์ เพียงแต่ขนานที่ใหญ่กว่า และมีครีมที่ข้น ทานเคียงกับไอศกริมวานิลา เป็นความหวานที่แตกต่าง แต่ลงตัวจนขาดกันไม่ได้อีกต่อไป
Time : 06:30-23:00
www.litbangkok.com
FB : litbangkokhotel
Tel : 0-2612-3456
Credits
Text & Photography : Sithipong Tiyawarakul